เมื่อวันที่ 8 ตุลาคมที่ผ่านมา นายหลินเจียหลง (林佳龍) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศไต้หวัน ได้ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการ “อรุณสวัสดิ์ไต้หวัน” ของสถานีวิทยุ Rti ระบุว่า เพื่อการขยายขอบเขตทางการทูตของไต้หวันให้ครอบคลุมมากขึ้น “การทูตเชิงวิชาการ” จึงได้กลายเป็นส่วนสำคัญของนโยบายทางการทูตเชิงบูรณาการที่กระทรวงการต่าางประเทศไต้หวันพยายามผลักดัน เพราะเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา เขาได้มีโอกาสเดินทางไปร่วมงานประชุม Warsaw Security Forum ที่ประเทศโปแลนด์ ซึ่งงานนี้ไม่เพียงสะท้อนให้เห็นถึงค่านิยมและแนวคิดอันหลากหลายที่ไต้หวันกับพันธมิตรมีร่วมกัน แต่เป็นหลักฐานที่แสดงให้เห็นว่า “การทูตเชิงวิชาการ” ยังคงมีบทบาทและมีพื้นที่ให้สามารถพัฒนาศักยภาพต่อไปได้
นายหลินเจียหลง กล่าวว่า จากประสบการณ์ในการเดินทางไปเยือนโปแลนด์ครั้งนี้ จะเห็นว่าโอกาสของการทูตเชิงวิชาการยังคงเปิดกว้างในเวทีระดับนานาชาติ แม้รัฐบาลจีนจะเรียกร้องให้ประเทศต่างๆ ยึดถือนโยบายจีนเดียวและห้ามเจ้าหน้าที่ระดับสูงของไต้หวันเข้าร่วมในเวทีประชาคมโลก แต่รัฐบาลโปแลนด์กลับมองว่ากิจกรรมเชิงวิชาการของกลุ่มคลังสมองนั้นมีความเปิดกว้างและดำเนินการมาอย่างยาวนาน จึงมีความยินดีที่จะต้อนรับผู้คนจากหลากหลายวงการมาแลกเปลี่ยนมุมมองต่างๆ ร่วมกัน
นายหลินเจียหลง ย้ำว่า “ความหลากหลาย” ถือเป็นคีย์เวิร์ดสำคัญในเวทีระดับสากล แต่เนื่องจากพรรคคอมมิวนิสต์จีนที่พยายามสั่งห้ามสิ่งต่างๆ ที่เกี่ยวกับไต้หวัน ซึ่งนั่นยิ่งเป็นการสะท้อนให้เห็นถึงแนวคิดแบบผูกขาด ที่ไม่ยอมเปิดรับความคิดเห็นอื่นๆ ดังนั้นจึงไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าร่วมแลกเปลี่ยนในกิจกรรมของเวทีคลังสมองหรือองค์กร NGO ได้