เมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2025 ปธน. ไล่ชิงเต๋อกล่าวสุนทรพจน์วันชาติเป็นครั้งที่สองนับตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดี ปธน. ไล่กล่าวว่า ปีนี้เป็นวาระครบรอบ 80 ปีแห่งการสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่สอง ซึ่งเตือนให้โลกตระหนักถึงบทเรียนจากประวัติศาสตร์ “ไต้หวันประชาธิปไตย” คือศูนย์กลางแห่งสันติภาพและเสถียรภาพของภูมิภาคอินโด–แปซิฟิก ไต้หวันจะมุ่งมั่นรักษาสถานะปัจจุบัน และหวังว่าจีนจะละทิ้งการใช้กำลังเพื่อเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ในช่องแคบไต้หวัน เพื่อร่วมกันธำรงไว้ซึ่งสันติภาพและเสถียรภาพในภูมิภาค
ปธน. ไล่กล่าวว่า ทุกปีประชาชนจะรวมตัวกันเพื่อเฉลิมฉลองวันเกิดของประเทศ แต่ปีนี้มีความหมายเป็นพิเศษ เพราะเป็นปีสำคัญของประชาธิปไตยไต้หวัน เมื่อวันที่ 10 กันยายนที่ผ่านมา ไต้หวันได้บรรลุจุดเปลี่ยนสำคัญ — จำนวนวันที่อยู่ภายหลังการยกเลิกกฎอัยการศึก ได้แซงหน้าจำนวนวันที่เคยอยู่ภายใต้การปกครองแบบกดขี่ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของการอำลายุคเผด็จการอย่างแท้จริง และการก้าวเข้าสู่ยุคแห่งเสรีภาพและความหวัง
ปธน. ไล่กล่าวถึงเรื่องราวของผู้คนที่ต่อสู้เสียสละเพื่อปกป้องผืนแผ่นดินนี้ — ไม่ว่าจะเป็นน้ำตาและเลือดหลั่งไหลต่อต้านการรุกราน หรือความกล้าหาญของผู้ที่ต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยและอิสรภาพ — ทุกสิ่งล้วนหล่อหลอมให้เกิด “ไต้หวันประชาธิปไตย” ซึ่งเป็นตัวตนที่ชัดเจนของประชาชนกว่า 23 ล้านคนในไต้หวัน–เผิงหู–จินเหมิน–มาจู่ ซึ่งส่องแสงแห่งความหวังให้แก่ผู้ที่ยังอยู่ภายใต้ระบอบเผด็จการทั่วโลก
ปธน. ไล่ กล่าวด้วยว่า ในขณะที่ลัทธิเผด็จการกำลังขยายอิทธิพล และระเบียบระหว่างประเทศกำลังเผชิญความท้าทายอย่างรุนแรง ความมั่นคงของช่องแคบไต้หวัน ทะเลจีนตะวันออก และทะเลจีนใต้ ตลอดจนแนวเกาะด่านแรกของภูมิภาค กำลังถูกคุกคามอย่างหนัก “ไต้หวันประชาธิปไตย” จะยึดมั่นในการรักษาสถานะปัจจุบัน ปกป้องสันติภาพช่องแคบ และหวังว่าจีนจะยุติการบิดเบือนมติที่ 2758 ของสมัชชาใหญ่สหประชาชาติ รวมถึงเอกสารประวัติศาสตร์หลังสงครามโลก และละทิ้งการใช้กำลังหรือการข่มขู่เพื่อเปลี่ยนสถานการณ์ในช่องแคบไต้หวัน เพื่อร่วมกันรักษาสันติภาพในภูมิภาคอินโด–แปซิฟิก
ปธน. ไล่ กล่าวทิ้งท้ายว่า บทเรียนจากสงครามโลกครั้งที่สองบ่งบอกชัดว่า “ผู้รุกรานย่อมพ่ายแพ้ ความสามัคคีนำสู่ชัยชนะ” สันติภาพต้องอาศัยพลังที่เข้มแข็ง ดังนั้นปธน. ขอย้ำต่อประชาชนและประชาคมโลกอีกครั้งว่า งบประมาณด้านกลาโหมของไต้หวันในปีหน้า จะเกินกว่า 3% ของ GDP ตามมาตรฐาน NATO และตั้งเป้าเพิ่มขึ้นเป็น 5% ของ GDP ภายในปี 2030 เพื่อแสดงให้เห็นถึง “ความมุ่งมั่นในการปกป้องประเทศ” อย่างแน่วแน่