Skip to the main content block
::: หน้าแรก| แผนผังเว็บไซต์| Podcasts|
|
Language

Formosa Dream Chasers - Programs - RTI Radio Taiwan International-logo

รายการ
| รายการล่าสุด
เลือกรายการ
ผู้จัดรายการ ตารางรายการ
ประเด็น (ข่าว) ยอดนิยม
繁體中文 简体中文 English Français Deutsch Indonesian 日本語 한국어 Русский Español ภาษาไทย Tiếng Việt Tagalog Bahasa Melayu Українська แผนผังเว็บไซต์

บันทึกชีวิตในไต้หวัน : ทำไมผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่ในไต้หวันที่มีการศึกษาสูงราว 120,000 คนหางานยาก?

20250824 บันทึกชีวิตในไต้หวัน : ทำไมผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่ในไต้หวันที่มีการศึกษาสูงราว 120,000 คนหางานยาก? (圖/桃園就業服務處)
20250824 บันทึกชีวิตในไต้หวัน : ทำไมผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่ในไต้หวันที่มีการศึกษาสูงราว 120,000 คนหางานยาก? (圖/桃園就業服務處)

สัปดาห์นี้ หยิบเอาบทความจากเว็บไซต์ The News Lens (TNL) มาฝากชื่อบทความ “ทำไมผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่ในไต้หวันที่มีการศึกษาสูงราว 120,000 คนหางานยาก? ” ซึ่งเว็บไซต์ The News Lens หรือ TNL เป็นสื่อออนไลน์ของไต้หวันที่ใช้ทั้งภาษาจีนและภาษาอังกฤษ วางตัวเองเป็นสื่อวิจารณ์อิสระ นำเสนอข้อมูลเชิงลึก ข่าวสาร และบทวิเคราะห์ที่หลากหลายมุมมองสำหรับผู้อ่านในไต้หวัน เอเชียและชาวต่างชาติที่สนใจข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับเอเชีย

ภาคอุตสาหกรรมไต้หวันประสบปัญหาขาดแคลนแรงงานมายาวนาน แต่กลับมองข้ามกลุ่มผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่ที่ใช้ชีวิตอยู่ในไต้หวันอยู่แล้ว จากสถิติพบว่า จำนวนผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่ที่มีวุฒิการศึกษา อนุปริญญา ปริญญาตรี หรือแม้กระทั่งปริญญาโทมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทุกปี ซึ่งมีอัตราการเข้าสู่ตลาดแรงงานสูงถึง 75% ถือว่าอยู่ในระดับที่สูงมา แต่พวกเขาก็ยังยากที่จะทะลุเพดานในอาชีพการงาน ติดข้อจำกัดเรื่องวุฒิการศึกษาไม่สอดคล้องกับสายอาชีพงานที่ทำ หรือทำงานไม่ตรงสายที่เรียนมา เมื่อภาคธุรกิจต้องการนำเข้าบุคลากรผู้เชี่ยวชาญจากต่างชาติ กลุ่มผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่ที่ถือบัตรประชาชนไต้หวันแต่มักจะถูกมองข้ามกลุ่มนี้  อาจเป็นหนึ่งในทางออกที่จะแก้ปัญหาการขาดแคลนแรงงานในภาคอุตสาหกรรมของไต้หวันได้หรือไม่?


ทำไมผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่ในไต้หวันที่มีการศึกษาสูงราว 120,000 คนหางานยาก? (ภาพประกอบเรื่อง/shutterstock)

ภาคอุตสาหกรรมไต้หวันมักโอดครวญว่าขาดแคลนกำลังแรงงาน และคาดหวังให้รัฐบาลมีนโยบายเปิดรับแรงงานต่างชาติให้มากขึ้น แต่จริงๆ ไต้หวันมีคนกลุ่มหนึ่งที่ใช้ชีวิตอยู่ในไต้หวัน แต่กลับไม่ค่อยได้รับการมองเห็นจากกลุ่มธุรกิจ

จากสถิติปี 2566 ประเทศในกลุ่ม OECD ( Organization for Economic Co-operation and Development ) หรือ องค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา เป็นองค์กรระหว่างประเทศของกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้ว ปัจจุบันมีสมาชิกทั้งหมด 38 ประเทศ จากหลากหลายภูมิภาคมีทั้งหมด 38 ประเทศทั่วโลก อาทิ ออสเตรเลีย, แคนาดา, ชิลี, โคลอมเบีย, ญี่ปุ่น, เกาหลีใต้, เม็กซิโก, นิวซีแลนด์, สหรัฐอเมริกา, และหลายประเทศในยุโรป เช่น สหราชอาณาจักร, ฝรั่งเศส, เยอรมนี, อิตาลี, และสเปน เป็นต้น มีจำนวนผู้อพยพถาวรมากกว่า 6 ล้านคน โดยกลุ่มที่อพยพทั้งครอบครัวคิดเป็นสัดส่วนสูงถึง 40% 

ในช่วงเวลาเดียวกัน หากมองมาที่ไต้หวัน จำนวนการสมรสข้ามชาติก็พุ่งสูงสุดในรอบเกือบ 10 ปี ปัจจุบันในไต้หวัน คู่สมรสใหม่ทุก 5 ถึง 6 คู่ จะมี 1 คู่เป็นการสมรสข้ามชาติ และในบรรดาคู่สมรสที่ไม่ใช่ชาวไต้หวัน จะพบว่าคู่สมรสที่มาจากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (เช่น เวียดนาม อินโดนีเซีย ไทย ฟิลิปปินส์ ฯลฯ) มีจำนวนแซงหน้าคู่สมรสชาวจีนแผ่นดินใหญ่ต่อเนื่องหลายปีแล้ว 

นอกจากนี้ พื้นฐานด้านวุฒิการศึกษาก็เริ่มมีการเปลี่ยนแปลง จากผลการสำรวจความต้องการของผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่ในปี 2566 ที่จัดทำโดยสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง พบว่า ผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่ที่มีวุฒิการศึกษาในระดับอนุปริญญา ปริญญาตรีและปริญญาโทขึ้นไปก่อนเดินทางมาไต้หวัน มีสัดส่วนสูงถึง 21.1 %

เมื่อคำนวณจากจำนวนผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่ทั้งหมดในไต้หวันซึ่งจำนวนเกิน 600,000 คน หรือคิดเป็น 2.5% ของประชากรทั้งหมดในไต้หวัน ก็เท่ากับว่ามีผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่มากกว่า 120,000 คนมีการศึกษาสูง สิ่งที่น่าตื่นเต้นยิ่งไปกว่านั้นคือ พวกเขามีความกระตือรือร้นในการทำงาน โดยอัตราการทำงานของผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่ในไต้หวันมีสัดส่วนสูงถึง 75% ซึ่งสูงกว่าชาวไต้หวันที่มีเพียง 59.2%

อย่างไรก็ตาม ตอนนี้พวกเขาอยู่ที่ไหนกัน? พวกเขาจะเป็นทางออกให้กับปัญหาการขาดแคลนบุคลากรของไต้หวันได้หรือเปล่าไม่?

สถานการณ์ปัจจุบัน: ทำงานไม่ตรงสาย คนจบ ป.โท มีอัตราการว่างงานสูงสุด

มหาวิทยาลัยชุมชนเป็นด่านแรกที่สัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงของผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่ อาจารย์เจิ้งเหวินจง (鄭文忠)  อาจารย์ผู้สอนหลักสูตรฝึกอบรมล่ามศาลสำหรับผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่ที่มหาวิทยาลัยชุมชนเขตจงลี่มาเป็นเวลา 7 ปี เคยสอนนักเรียนที่เป็นผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่มาแล้วเกือบ 600 คน เปิดเผยว่า ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เห็นได้ชัดว่านักเรียนที่จบปริญญาตรีและปริญญาโทมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น ก่อนหน้านี้สังคมมักมองว่าผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่เป็นกลุ่มเปราะบาง แต่จริง ๆ แล้ว พวกเขาแข็งแกร่งมากขึ้นเรื่อยๆ

การยกระดับการศึกษา นอกจากสะท้อนถึงพัฒนาการของประเทศต้นทางเท่านั้น  แต่ยังสะท้อนถึงสถานการณ์การศึกษาระดับอุดมศึกษาของไต้หวันที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตเด็กเกิดน้อย นักศึกษามีจำนวนลดลง ทำให้สถาบันการศึกษาหลายแห่ง หันมาสนใจกลุ่มผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่ ด้วยการเปิดหลักสูตรออนไลน์แบบยืดหยุ่น และค่าเล่าเรียนราคาถูก เพื่อดึงดูดให้ผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่เรียนต่อเพิ่มเติมในหลักสูตรที่พวกเขาสนใจ นอกจากนี้ นโยบายก็เป็นแรงผลักดันอีกปัจจัยหนึ่งเช่นกัน

นายเฉินเจี้ยนเฉิง (陳建成) รองผู้อำนวยการ สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง กล่าวว่า “เราต้องทำให้พวกเขาแข็งแกร่งขึ้น” ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองไต้หวันได้ส่งเสริมโครงการทุนการศึกษาและทุนช่วยเหลือผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่และบุตรธิดาของพวกเขา ผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่ที่สอบผ่านใบรับรองทักษะฝีมือ มีอัตราเพิ่มขึ้นเป็น 8.7% “สิ่งนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการพัฒนาผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่รุ่นที่ 2 ในไต้หวันซึ่งมีจำนวน 470,000 คน พวกเขาคือกำลังสำคัญของคนรุ่นต่อไป” นายเฉินเจี้ยนเฉิงกล่าวด้วยความมั่นใจ

แต่สิ่งย้อนแย้งก็คือ หากเทียบวุฒิการศึกษากับอัตราการทำงานของผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่ พบว่า ผู้ที่เรียนจบในระดับอนุปริญญาและปริญญาตรี กลับมีสดส่วนการทำงานที่ต่ำกว่าผู้ที่จบระดับประถม มัธยมต้น และมัธยมปลายประมาณ 10% และแม้ว่าผู้ที่จบปริญญาโทขึ้นไปจะมีสัดส่วนการทำงานสูงกว่าค่าเฉลี่ย แต่หากดูอัตราการว่างงาน จะพบว่าผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่ที่จบปริญญาโทขึ้นไปและอนุปริญญา หรือ ปวส. กลับเป็นสองกลุ่มที่มีอัตราการว่างงานสูงสุด

วุฒิการศึกษาสามารถเปลี่ยนแปลงสถานการณ์การจ้างงานของผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่ได้หรือไม่? ศาสตราจารย์เซี่ยเสี่ยวเจวียน (夏曉鵑) ประจำภาควิชาสังคมสงเคราะห์ มหาวิทยาลัยแห่งชาติเจิ้งจื้อ (NCCU) กล่าวอย่างตรงไปตรงมาว่า ในไต้หวัน การสอบไม่ติดมหาวิทยาลัย ยากกว่าการสอบติดเสียอีก หากอคติที่สังคมมีต่อผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่ไม่มีการเปลี่ยนแปลง แม้จะมีวุฒิการศึกษาที่สูงขึ้น ก็ไม่สามารถนำไปสู่อาชีพงานที่ดีกว่าได้อยู่ดี”

จากการสำรวจของสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง พบว่าผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่ที่มีวุฒิการศึกษาระดับ ปวส. เกือบครึ่งหนึ่งมีรายได้ต่อเดือนไม่ถึง 30,000 เหรียญไต้หวัน ส่วนผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่ที่มีวุฒิการศึกษาระดับปริญญาตรี 60% มีรายได้ต่อเดือนน้อยกว่า 40,000 เหรียญไต้หวัน ซึ่งยังคงมีช่องว่างอย่างมากเมื่อเทียนบกับเงินเดือนของคนไต้หวัน


คุณหลินลี่ฉัน จากประเทศกัมพูชา เป็นผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่คนแรกที่ได้รับเลือกเป็นสมาชิกสภานิติบัญญัติไต้หวัน และปัจจุบันดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักกิจการเด็กและเยาวชนเมืองจีหลง (圖片來源:曾瀅倫Cheers)

คุณหลินลี่ฉัน (林麗蟬) มาจากประเทศกัมพูชา เป็นผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่คนแรกที่ได้รับเลือกเป็นสมาชิกสภานิติบัญญัติไต้หวัน และปัจจุบันดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักกิจการเด็กและเยาวชนเมืองจีหลง กล่าวด้วยความหดหู่ว่า ภาคธุรกิจและสังคมยังคงมีภาพจำเดิม ๆ เกี่ยวกับสิ่งที่ผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่สามารถทำได้ ซึ่งหนีไม่พ้นการเป็นไกด์นำเที่ยว ล่ามแปลภาษา ทำงานเกี่ยวกับความสวยความงาม ทำงานในร้านอาหาร หรือการสอนภาษาเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แต่สิ่งเหล่านี้ตอบโจทย์ความต้องการของตลาดจริงหรือ? เราจำเป็นต้องมองเรื่องนี้อย่างจริงจัง

ความเชี่ยวชาญในอดีต ไม่มีประโยชน์ในไต้หวัน

ผลการสำรวจของสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองพบว่า ผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่ที่มีวุฒิการศึกษาระดับอนุปริญญาขึ้นไป ประมาณ 90% มีงานทำก่อนแต่งงาน เมื่อสอบถามถึงงานสุดท้ายก่อนแต่งงาน พบว่าผู้ที่จบ ปวส. และปริญญาตรีส่วนใหญ่มักจำทำงานเป็นเจ้าหน้าที่ธุรการ หรือเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญ แต่หลังจากมาไต้หวัน งานส่วนใหญ่ที่ทำกลับเป็นพนักงานบริการและงานขาย

คุณจั่วอวี่ (卓宇) ผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่จากเซี่ยงไฮ้ เป็นทนายความที่มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพทั้งในจีนและสหรัฐอเมริกา เธอมีงานที่รายได้ดี แต่เมื่อชีวิตการทำงานกำลังรุ่งเรือง เธอก็ได้พบกับสามีชาวไต้หวัน แต่การย้ายมาอยู่ไต้หวันเพื่อความรักของเธอนั้น ต้องแลกมาด้วยการเสียสละความเชี่ยวชาญของตัวเอง หากเธอต้องการประกอบอาชีพนี้ในไต้หวัน เธอต้องรอถึงหกปีเพื่อยื่นขอบัตรประชาชนไต้หวัน และสอบใบประกอบวิชาชีพใหม่

คุณจั่วอวี่เล่าถึงความหลังว่า มีผู้ใหญ่ท่านหนึ่งทราบถึงสถานการณ์ของเธอ และแนะนำให้เธอสมัครตำแหน่งเจ้าหน้าที่ธุรการประจำเคาน์เตอร์ของสำนักงานกฎหมาย คุณจั่วอวี้เล่าว่า หลังจากที่เธอได้ฟังแล้ว เธอพูดอะไรไม่ออกสักคำ เธอรู้สึกว่าตัวเองที่อยู่ที่นี่ไร้ประโยชน์ ทำอะไรไม่ได้สักอย่าง และรู้สึกผิดหวังมาก !

ต่อมา คุณจั่วอวี่ตัดสินใจเปลี่ยนเส้นทางอาชีพ เริ่มจากการทำช่อง YouTube หากมองเฉพาะรายได้ในการทำสื่อออนไลน์ ซึ่งไม่มากเท่าการทำงานธุรการ แต่ความรู้สึกภูมิใจที่ได้กลับมีมากกว่ามาก

ผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่ที่มีวุฒิการศึกษาระดับปริญญาตรีขึ้นไปมากกว่า 30% ต่างสะท้อนว่า พบเจออุปสรรคในการทำงาน ซึ่งมีสัดส่วนสูงกว่าผู้ที่มีวุฒิต่ำกว่ามัธยมปลาย นอกจากอุปสรรคด้านภาษาแล้ว ปัญหาร่วมที่ใหญ่ที่สุดคือ เงินเดือนหรือสวัสดิการไม่เป็นไปตามความคาดหวัง และงานไม่มีโอกาสพัฒนาหรือไม่มีโอกาสแสดงศักยภาพของตัวเอง

เผชิญอุปสรรคในที่ทำงาน หลายคนหันไปทำงานอิสระ

จากผลการสำรวจของสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง พบว่า ผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่ประมาณ 14.2% มีความประสงค์ที่จะทำธุรกิจของตนเอง และยิ่งระดับการศึกษาสูงเท่าไหร่ ก็ยิ่งมีความประสงค์นี้มากขึ้นเท่านั้น ในบรรดาผู้ที่มีวุฒิการศึกษาระดับปริญญาตรีขึ้นไป ในทุก 5 คน จะมีอย่างน้อย 1 คนที่อยากทำธุรกิจ และสร้างทางเลือกใหม่ให้แก่ตัวเอง

อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันมีบางบริษัทเริ่มเฟ้นหาบุคลากรผู้มีความสามารถเหล่านี้ ที่ซ่อนอยู่ในสังคมอย่างเงียบๆ แล้ว โดยคุณหลินลี่ฉัน ยกตัวอย่างว่า ช่วงนี้มีอุตสาหกรรมอีสปอร์ตแห่งหนึ่งต้องการขยายตลาดไปยังเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จึงขอให้เธอช่วยแนะนำผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่ที่มีวุฒิการศึกษาที่ดี เพื่อรับผิดชอบงานเขียนโปรแกรมหรือ ทำงานในตำแหน่งฝ่ายบริการลูกค้าต่างประเทศ นอกจากนี้ ยังมีบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ไปตั้งโรงงานต่างประเทศ ต้องการคนที่เข้าใจพื้นที่และคุ้นเคยกับไต้หวันเป็นอย่างดีมาช่วยงาน แม้ว่าจำนวนยังไม่มาก แต่เธอก็เห็นโอกาสงานที่หลากหลายมากขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งที่เธอรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง

การโอบรับผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่ในหลากหลายอุตสาหกรรม นอกจากต้องให้เจ้าของธุรกิจปรับทัศนคติแล้ว ยังต้องอาศัยช่องทางการแบ่งปันข้อมูลที่คลอบคลุมมากขึ้นด้วย ปัจจุบันช่องทางการหางานของผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่ในไต้หวัน เกือบ 60% ผ่านการแนะนำจากญาติและเพื่อน ทำให้ตำแหน่งงานว่างจำนวนมากไม่สามารถเข้าถึงผู้ที่มีศักยภาพได้โดยตรง นอกจากนี้ สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองยังพบว่า เหตุผลหลักที่ผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่บางคนไม่หางานทำก็คือ พวกเขาต้องทำงานบ้าน

ปัจจุบันผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่ในไต้หวันประมาณ 90% เป็นผู้หญิง ศาสตราจารย์เซี่ยเสี่ยวเจวียนเผยว่า การดูแลคนบ้านเป็นสิ่งที่สำคัญต่อผู้หญิงทุกคน แต่สำหรับผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่กลับสำคัญยิ่งกว่า เพราะคู่สมรสต่างชาติมักจะถูกมองเป็นคนแรกว่า มีหน้าที่รับผิดชอบดูแลเด็กและผู้สูงอายุในครอบครัว ความรับผิดชอบที่ใหญ่หลวงนี้ จึงเป็นเหมือนโซ่ตรวนที่จำกัดทางเลือกอาชีพของพวกเธออย่างมาก

ผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่กับชาวไต้หวันถือบัตรประชาชนใบเดียวกัน แต่การที่จะผนวกเข้ากับสังคมและภาคอุตสาหกรรมอย่างแท้จริง ยังคงเป็นงานใหญ่ที่ต้องใช้เวลานาน 

คุณเฉินเจี้ยนเฉิงเน้นย้ำว่า ความร่วมมือระหว่างกระทรวงต่างและภาคอุตสาหกรรมต่าง ๆ และแม้แต่องค์กร NGO จะเป็นตัวกำหนดว่าพวกเขาสามารถตั้งรกรากในไต้หวันและช่วยให้ไต้หวันเติบโตได้หรือไม่

ที่มาบทความ : https://www.thenewslens.com/article/254194

ประเด็นร่วม & Podcast
บันทึกชีวิตในไต้หวัน-台灣泰幸福
บันทึกชีวิตในไต้หวัน
เวลาออกอากาศ: วันอาทิตย์
ประเด็นประจำสัปดาห์

為提供您更好的網站服務,本網站使用cookies。

若您繼續瀏覽網頁即表示您同意我們的cookies政策,進一步了解隱私權政策。 

我了解