Skip to the main content block
::: หน้าแรก| แผนผังเว็บไซต์| Podcasts|
|
Language

Formosa Dream Chasers - Programs - RTI Radio Taiwan International-logo

รายการ
| รายการล่าสุด
เลือกรายการ
ผู้จัดรายการ ตารางรายการ
ประเด็น (ข่าว) ยอดนิยม
繁體中文 简体中文 English Français Deutsch Indonesian 日本語 한국어 Русский Español ภาษาไทย Tiếng Việt Tagalog Bahasa Melayu Українська แผนผังเว็บไซต์

ขุนพลแรงงานไทย วันศุกร์ที่ 29 สิงหาคม 2568

กลุ่มสหภาพแรงงานเรียกร้องตีความกฎหมาย ป้องกันบริษัทจัดหางานขัดขวางแรงงานต่างชาติเข้าร่วมสหภาพแรงงาน (ภาพจาก fwnews.com.tw)
กลุ่มสหภาพแรงงานเรียกร้องตีความกฎหมาย ป้องกันบริษัทจัดหางานขัดขวางแรงงานต่างชาติเข้าร่วมสหภาพแรงงาน (ภาพจาก fwnews.com.tw)

1. ป้องกันบริษัทจัดหางานกีดกันสิทธิแรงงานต่างชาติในการเข้าร่วมสหภาพแรงงาน กลุ่ม NGO เรียกร้องตีความกฎหมายสหภาพแรงงานให้ บจง. เป็นผู้แทนนายจ้าง

      เมื่อวันที่ 12 สิงหาคมที่ผ่านมา สหพันธ์แรงงานอุตสาหกรรมเถาหยวน สมาคมแรงงานนานาชาติไต้หวัน และองค์กรภาคประชาสังคมอีกหลายแห่ง ได้เข้ายื่นเรื่องต่อกระทรวงแรงงาน เรียกร้องให้ปรับแก้กฎหมายสหภาพแรงงาน โดยให้นับรวมบริษัทจัดหางานอยู่ในขอบเขตที่กฎหมายสหภาพแรงงานมาตรา 35 ระบุว่าเป็น “นายจ้างหรือผู้แทนนายจ้างผู้มีอำนาจในการบริหารจัดการ” เพื่อป้องกันไม่ให้บริษัทจัดหางานเข้ามาแทรกแซงหรือขัดขวางแรงงานต่างชาติในการเข้าร่วมสหภาพแรงงาน กระทรวงแรงงานชี้แจงว่า เรื่องดังกล่าวอยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการวินิจฉัยการกระทำอันไม่เป็นธรรมด้านแรงงาน หากพบว่ามีการละเมิดจริง จะดำเนินการตามกฎหมายสหภาพแรงงานมาตรา 45 โดยมีโทษปรับตั้งแต่ 100,000 ถึง 500,000 เหรียญไต้หวัน พร้อมเปิดเผยรายชื่อบริษัทจัดหางานผู้กระทำผิดต่อสาธารณะ

กลุ่มสหภาพแรงงานและ NGO เรียกร้องหน้าที่ทำการกระทรวงแรงงาน ขอให้ตีความกฎหมายสหภาพแรงงาน ป้องกัน บจง. กีดกันแรงงานต่างชาติเข้าร่วมสหภาพแรงงาน (ภาพจาก watchmedia01.com)

      รายงานระบุว่า โรงงานขนาดใหญ่แห่งหนึ่งในนครเถาหยวนมีแรงงานต่างชาติกว่า 200 คน ส่วนใหญ่มาจากฟิลิปปินส์และอินโดนีเซีย และใช้บริการบริษัทจัดหางาน 3 ราย สหภาพแรงงานของบริษัทเปิดรับแรงงานต่างชาติเข้าเป็นสมาชิกตามกฎหมาย แต่หลังจากมีแรงงานต่างชาติกว่า 30 คนยื่นใบสมัคร กลับถูกบริษัทจัดหางานเข้ามาแทรกแซงและขัดขวาง

กลุ่มสหภาพแรงงานและ NGO เรียกร้องหน้าที่ทำการกระทรวงแรงงาน ขอให้ตีความกฎหมายสหภาพแรงงาน ป้องกัน บจง. กีดกันแรงงานต่างชาติเข้าร่วมสหภาพแรงงาน (ภาพจาก udn.com)

      นายซุนอวี่เชียน เลขาธิการสหพันธ์แรงงานอุตสาหกรรมเถาหยวนเปิดเผยว่า หลังจากแรงงานต่างชาติดังกล่าวสมัครเข้าร่วมสหภาพไม่นาน บริษัทจัดหางานร่วมกับนายจ้างได้จัดประชุมอธิบาย โดยบอกกับแรงงานว่า พวกเขามีบริษัทจัดหางานดูแลอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องเข้าร่วมสหภาพแรงงานและจ่ายค่าบำรุง ต่อมาสหภาพแรงงานได้รับใบลาออกจากสมาชิกจำนวนมาก โดยในเอกสารยังมีข้อความเหมือนกันเกือบทุกคนว่า “มีบริษัทจัดหางานดูแลแล้ว จึงไม่จำเป็นต้องเป็นสมาชิกสหภาพแรงงาน”

สหภาพลูกเรือประมงเมืองอี๋หลาน เป็นสหภาพแรงงานแห่งแรกของแรงงานต่างชาติ ตั้งขึ้นเมื่อปี 2556 สมาชิกส่วนใหญ่เป็นลูกเรือประมงอินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ (ภาพจาก verymulan.com)

      ซุนอวี่เฉียน เห็นว่า การกระทำดังกล่าวอาจเข้าข่ายละเมิดกฎหมายสหภาพแรงงานมาตรา 35 ที่ห้ามนายจ้างเลือกปฏิบัติหรือให้การปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรมต่อสมาชิกสหภาพ แต่ปัญหาคือ ปัจจุบันรัฐบาลยังไม่ยอมรับว่าบริษัทจัดหางานเป็น “ผู้แทนนายจ้าง” ตามกฎหมาย เขากล่าวเสริมว่า สัญญามาตรฐานระหว่างนายจ้างและบริษัทจัดหางานกำหนดชัดว่า บริษัทจัดหางานต้องรับผิดชอบด้านการจัดการ ดูแลระเบียบการทำงานและชีวิตประจำวันของแรงงานต่างชาติ แสดงให้เห็นว่าบริษัทจัดหางานมีอำนาจและความรับผิดชอบเชิงปฏิบัติจริง

สหภาพลูกเรือประมงเมืองอี๋หลาน เป็นสหภาพแรงงานแห่งแรกของแรงงานต่างชาติ ตั้งเมื่อปี 2556 สมาชิกส่วนใหญ่เป็นลูกเรือประมงอินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ (ภาพจาก coolloud.org.tw)

      ด้านอู๋จิ้งหรู ตัวแทนสมาคมแรงงานนานาชาติไต้หวันระบุว่า บริษัทจัดหางานมักมีบทบาทสำคัญทั้งในการบริหารชีวิตความเป็นอยู่ของแรงงานต่างชาติ การกำหนดโทษทางวินัย รวมถึงการต่อสัญญาหรือเลิกจ้างแรงงาน ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อสิทธิแรงงานในการรวมตัวจัดตั้งสหภาพ และเนื่องจากข้อจำกัดต่าง ๆ เช่น ทำสัญญาจ้างครั้งละ 3 ปี และข้อกำหนดที่แรงงานต่างชาติไม่สามารถเปลี่ยนนายจ้างได้โดยเสรี ทำให้บริษัทจัดหางานมีอำนาจกดดันแรงงานมากกว่านายจ้างเสียอีก ส่งผลให้แรงงานต่างชาติจำนวนมากหวาดกลัวและไม่กล้าเข้าร่วมสหภาพแรงงาน

สหภาพผู้อนุบาลในครัวเรือนเถาหยวน ตั้งขึ้นเมื่อปี 2560 เป็นสหภาพแรงงานแห่งที่สองของแรงงานต่างชาติในไต้หวัน (ภาพจาก mpark.news)

      ดังนั้น กลุ่มแรงงานและ NGO จึงเรียกร้องให้กระทรวงแรงงานปรับปรุงแก้ไขกฎหมาย โดยกำหนดให้บริษัทจัดหางานเข้าข่ายเป็น “ผู้แทนนายจ้าง” ตามที่บัญญัติไว้ในกฎหมายสหภาพแรงงานมาตรา 35 เพื่อสะท้อนสถานการณ์จริงและคุ้มครองสิทธิของแรงงานต่างชาติอย่างแท้จริง

สหภาพผู้อนุบาลในครัวเรือนเถาหยวน ตั้งขึ้นเมื่อปี 2560 เป็นสหภาพแรงงานแห่งที่สองของแรงงานต่างชาติในไต้หวัน (ภาพจาก mpark.news)

      ต่อปัญหาดังกล่าว กระทรวงแรงงานยืนยันว่า ตามกฎหมายแล้วไม่มีผู้ใดสามารถขัดขวางหรือกีดกันแรงงานไม่ให้จัดตั้งหรือเข้าร่วมสหภาพแรงงานได้ สำหรับกรณีที่บริษัทจัดหางานถูกกล่าวหาว่าแทรกแซงสิทธิแรงงานนั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการวินิจฉัย หากผลการพิจารณาชี้ชัดว่ามีการละเมิดจริง จะดำเนินการปรับโทษตามกฎหมาย และเปิดเผยข้อมูลบริษัทจัดหางานผู้กระทำผิดต่อสาธารณะเพื่อสร้างบรรทัดฐานที่ชัดเจนในสังคม

2. ทุลักทุเล! 10 สาวไทยลักลอบทำงานนั่งดริงก์กับแขกร้านคาราโอเกะในเถาหยวน วิ่งหนีตำรวจชุลมุนเต็มถนน แต่ไม่รอดถูกจับกุมทั้งหมด

      เมื่อคืนวันที่ 24 สิงหาคมที่ผ่านมา เกิดเหตุชุลมุนกลางถนนใจกลางเมืองเถาหยวน สาวไทยในชุดวาบหวิวใส่รองเท้าส้นสูง วิ่งหนีสุดชีวิตออกจากร้าน หลังตำรวจจากสถานีตำรวจอู่หลิงเข้าตรวจสอบโรงแรมแห่งหนึ่งในพื้นที่ ขณะนั้นผู้ประกอบการร้านคาราโอเกะที่อยู่ฝั่งตรงข้ามเห็นเข้า รีบสั่งให้พนักงานหญิงในร้านหนีออกจากร้านทันที หญิงสาวชาวไทยนุ่งน้อยห่มน้อยกรูกันออกมาจากร้านและวิ่งหนีเต็มถนนอย่างโกลาหล ยิ่งทำให้เจ้าหน้าที่ที่กำลังตรวจโรงแรมเห็นผิดปกติและหันมาปิดล้อมจับกุม

10 หญิงไทยลักลอบทำงานนั่งดริงก์กับแขกร้านคาราโอเกะในเถาหยวน วิ่งหนีตำรวจชุลมุนเต็มถนน สุดท้ายถูกจับกุมทั้งหมด (ภาพจากคลิปของสถานีตำรวจเถาหยวน)

      เจ้าหน้าที่ตำรวจเห็นสภาพการณ์ดังกล่าว วิทยุขอกำลังเสริมและเร่งเข้าปิดล้อมพื้นที่ในตรอกซอยใกล้เคียง สามารถสกัดจับผู้ที่หลบหนีได้ทั้งหมด จากการตรวจสอบพบว่าผู้หลบหนีทั้ง 10 คนเป็นหญิงชาวไทย เดินทางเข้าไต้หวันด้วยวีซ่าท่องเที่ยว แต่กลับลักลอบทำงานนั่งดริงก์และให้บริการลูกค้าในร้านคาราโอเกะ ซึ่งเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายการจ้างงาน เจ้าหน้าที่สันนิษฐานผู้ประกอบการหวั่นเกรงว่าการตรวจสอบจะลุกลามถึงร้านของตน จึงรีบสั่งการให้พนักงานหญิงวิ่งหนี แต่กลับยิ่งทำให้พฤติกรรมผิดกฎหมายถูกเปิดโปงในทันที

10 หญิงไทยลักลอบทำงานนั่งดริงก์กับแขกร้านคาราโอเกะในเถาหยวน วิ่งหนีตำรวจชุลมุนเต็มถนน สุดท้ายถูกจับกุมทั้งหมด (ภาพจากคลิปของสถานีตำรวจเถาหยวน)

      ตำรวจยืนยันว่า คดีนี้จะดำเนินการตามกฎหมายการจ้างงาน โดยส่งต่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาโทษ ส่วนหญิงชาวไทยทั้ง 10 คน ถูกควบคุมตัวส่งให้สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองดำเนินการกักตัวและผลักดันกลับประเทศต่อไป ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจจะยังคงเข้มงวดตรวจสอบสถานบันเทิงในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง เพื่อกวาดล้างการประกอบกิจการที่ผิดกฎหมาย ซึ่งมักจะเป็นแหล่งก่ออาชญากรรม พร้อมเตือนผู้ประกอบการอย่าคิดว่าสามารถเลี่ยงการตรวจสอบได้

10 หญิงไทยลักลอบทำงานนั่งดริงก์กับแขกร้านคาราโอเกะในเถาหยวน วิ่งหนีตำรวจชุลมุนเต็มถนน สุดท้ายถูกจับกุมทั้งหมด (ภาพจากคลิปของสถานีตำรวจเถาหยวน)

3. จับไม่หมด! แรงงานเวียดนามที่หยุนหลินลอบขายเนื้อสุนัข กก. ละ 400 เหรียญ ตำรวจ-องค์กรคุ้มครองสัตว์เร่งกวาดล้าง

      ตรวจพบคดีลักลอบจำหน่ายเนื้อสุนัขที่ตำบลม่ายเหลียว เมืองหยุนหลิน พบซากสุนัขที่ถูกชำแหละแล้วกว่า 65 กิโลกรัม ภาพเหตุการณ์สะเทือนใจอย่างยิ่ง ผู้ต้องหาคือ นายฝ่าม แรงงานเวียดนามซึ่งมีสถานะทำงานถูกกฎหมาย ขณะถูกจับให้การอ้างว่าเพียง ช่วยส่งของ และขายในราคากิโลกรัมละ 400 เหรียญไต้หวัน เบื้องต้นถูกลงโทษปรับ 100,000 เหรียญไต้หวันตามกฎหมายคุ้มครองสัตว์

แรงงานเวียดนามที่หยุนหลินลอบขายเนื้อสุนัข กก. ละ 400 เหรียญ ถูกตำรวจสะกดัจับ (ภาพจาก สมาคมรักสัตว์จรจัดซินจู๋)

      คดีนี้เริ่มจากอาสาสมัครชาวเวียดนามของสมาคมรักสัตว์จรจัดซินจู๋ พบโพสต์ขายเนื้อสุนัขในกลุ่มโซเชียลมีเดีย จึงรีบประสานสมาคมและสำนักงานปศุสัตว์เมืองหยุนหลินติดตาม จนกระทั่งเมื่อต้นเดือนกรกฎาคม เจ้าหน้าที่และตำรวจร่วมกันบุกตรวจค้นและจับกุมผู้ต้องหาบริเวณถนนเปลี่ยวในตำบลม่ายเหลียว พบซากสุนัขที่ถูกชำแหละแล้วกว่า 65 กิโลกรัมซุกซ่อนอยู่ในรถบรรทุกเล็ก ผู้ต้องหารับสารภาพว่ามีหน้าที่เพียงขนส่งและจำหน่าย โดยอ้างว่าไม่ทราบแหล่งที่มาของสุนัขและไม่ได้เป็นผู้ฆ่าเอง ขณะที่เจ้าหน้าที่ปศุสัตว์ตรวจสอบพบว่า สุนัขทั้งหมดไม่มีการฝังไมโครชิป คาดว่าเป็นสุนัขจรจัด ซึ่งกำลังขยายผลหาแหล่งที่มาที่แท้จริง

แรงงานเวียดนามที่หยุนหลินลอบขายเนื้อสุนัข กก. ละ 400 เหรียญ ถูกตำรวจสะกดัจับ (ภาพจาก สมาคมรักสัตว์จรจัดซินจู๋)

      สมาคมรักสัตว์จรจัดซินจู๋เผยว่า การซื้อขายเนื้อสุนัขในกลุ่มแรงงานเวียดนามไม่ใช่เรื่องใหม่ และพบแพร่หลายมาตั้งแต่ปีก่อนในหลายพื้นที่ เช่น ซินจู๋ ไทจง จางฮั่วและหยุนหลิน ผู้ค้าส่วนใหญ่เป็นแรงงานต่างชาติผิดกฎหมาย เนื่องจากทำกำไรสูง พ่อค้าคนกลางสามารถทำรายได้วันละ 80,000–100,000 เหรียญไต้หวัน รายได้ต่อปีสูงสุดถึง 20 ล้านเหรียญไต้หวัน ลูกค้าส่วนหนึ่งเป็นแรงงานเวียดนาม ร้านอาหารเวียดนาม และแม้กระทั่งชาวไต้หวันบางรายก็ซื้อด้วย

แรงงานเวียดนามที่หยุนหลินลอบขายเนื้อสุนัข กก. ละ 400 เหรียญ ถูกตำรวจสะกดัจับ (ภาพจาก สมาคมรักสัตว์จรจัดซินจู๋)

      ข้อมูลการสืบสวนชี้ว่า ที่ตำบลม่ายเหลียวเพียงแห่งเดียว มีการซื้อขายอย่างคึกคัก ราคาซื้อจากต้นทางกิโลกรัมละ 350 เหรียญไต้หวัน ขายต่อได้ 500–700 เหรียญ สูงกว่าราคาหมูอย่างมาก บางกลุ่มสามารถขายได้ 200–300 กิโลกรัมต่อสัปดาห์ ทำกำไรปีละหลายสิบล้านเหรียญไต้หวัน แรงงานต่างชาติที่เกี่ยวข้องจำนวนมากเป็นแรงงานเวียดนาม แม้จะมีสถานะเป็นแรงงานถูกกฎหมาย แต่ใช้วิธีสวมสิทธิ์ ได้รับใบอนุญาตทำงานและบัตร ARC แล้วไม่เข้าทำงานในโรงงานจริง กลับไปชักชวนแรงงานชาติเดียวกันหลบหนีให้ฆ่าสุนัข แมว และสัตว์ป่าเพื่อนำมาชำแหละจำหน่าย และขยายเครือข่ายการขายไปทั่วเกาะไต้หวัน

แรงงานเวียดนามที่หยุนหลินลอบขายเนื้อสุนัข กก. ละ 400 เหรียญ ถูกตำรวจสะกดัจับ (ภาพจาก สมาคมรักสัตว์จรจัดซินจู๋)

      นายหวงเซวียนฟู่ ผู้ติดตามปัญหานี้ระบุว่า นอกจากเนื้อสุนัขแล้ว แรงงานเวียดนามบางกลุ่มยังลักลอบฆ่าและขายสัตว์ป่าคุ้มครอง เช่น แมวดาว ตัวนิ่ม แพะเคราดำ ไก่ฟ้าหลังขาว ชะมด และงู โดยใช้คำลับในโซเชียลมีเดีย เช่น เรียกเนื้อสุนัขว่า “วิตามิน” หรือเรียกแมวว่า “เสือเล็ก” รวมถึงยังพบพฤติกรรมการดื่มเลือดสุนัขสดที่บรรจุขวดพลาสติก ซึ่งเชื่อกันว่ามีสรรพคุณทางเพศ รูปแบบการกระทำผิดพัฒนาเป็นขบวนการครบวงจร ตั้งแต่รับสินค้าจากต้นทาง นำไปโพสต์ขายบนเฟซบุ๊ก จัดการเชือด ชำแหละ และกระจายขายไปทั่วไต้หวัน

      ตามกฎหมายคุ้มครองสัตว์ การฆ่าสุนัขและแมวมีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี แต่ในทางปฏิบัติยากที่จะจับกุมได้ขณะลงมือฆ่า จึงมักลงโทษเพียงการครอบครองซากหรือการขาย ซึ่งมีโทษปรับ 50,000–250,000 เหรียญไต้หวัน อีกทั้งสัตว์เลี้ยงและสัตว์ป่าอยู่ภายใต้การกำกับของหน่วยงานคนละหน่วย ทำให้เกิดความซ้ำซ้อนและผลักภาระระหว่างกัน ขณะเดียวกัน ผู้ต้องหาที่เป็นแรงงานต่างชาติยังอาจหลบหนีออกนอกประเทศได้อย่างรวดเร็ว องค์กรคุ้มครองสัตว์จึงเรียกร้องให้รัฐบาลเข้มงวดมากขึ้นในการควบคุมตั้งแต่ต้นทาง และจัดทำกลไกความร่วมมือระหว่างหน่วยงาน เพื่อป้องกันไม่ให้โศกนาฏกรรมเช่นนี้เกิดขึ้นซ้ำอีก

สมาคมรักสัตว์จรจัดซินจู๋เผย มีแรงงานเวียดนามบางคนเดินทางเข้าไต้หวันในฐานะแรงงานถูกกฎหมาย แต่ไม่ไปทำงานที่โรงงาน ตั้งใจขายเนื้อสุนัขเป็นการเฉพาะ (ภาพจาก LTN)

4. 5 แรงงานเวียดนามผิดกฎหมาย ยืมรถเพื่อนมาขับชนชายไต้หวันอายุ 67 ปีเสียชีวิตแล้วหนี เข้ามอบตัวขณะตำรวจตามล่า

      เหตุการณ์แรงงานต่างชาติขับรถชนคนแล้วหนีคดีนี้ เกิดขึ้นเมื่อช่วงเช้าวันที่ 11 สิงหาคม 2568 เวลาประมาณ 07.00 น. ที่เขตเป่ยถุน นครไทจง บริเวณทางแยกที่ไม่มีสัญญาณไฟจราจร ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์คือ นายเย่ อายุ 67 ปี ได้รับบาดเจ็บสาหัส ถูกนำส่งโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยไชน่า เมดิคอล แต่เสียชีวิตในเวลาต่อมา

สถานที่เกิดเหตุ 5 แรงงานเวียดนามผิดกฎหมาย ขับรถเพื่อนชนชายไต้หวันอายุ 67 ปีเสียชีวิตแล้วหนี (ภาพจาก Thread.sjie_.0501)

      คนขับรถยนต์คันก่อเหตุชื่อนายหว่าง เป็นแรงงานสัญชาติเวียดนามผิดกฎหมาย อายุ 38 ปี หลังเกิดเหตุได้ทิ้งรถและหลบหนีไปพร้อมผู้โดยสารซึ่งเป็นคนชาติเดียวกันอีก 4 คน ตำรวจตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดและพบตัวเจ้าของรถ เจ้าของรถให้การว่าได้นำรถไปให้แรงงานเวียดนามรายดังกล่าวยืมใช้ ตำรวจจึงเร่งติดตาม จนในที่สุดนายหว่างเดินทางไปมอบตัวที่สถานีตำรวจอีกแห่งหนึ่ง

สถานที่เกิดเหตุ 5 แรงงานเวียดนามผิดกฎหมาย ขับรถเพื่อนชนชายไต้หวันอายุ 67 ปีเสียชีวิตแล้วหนี (ภาพจาก Thread.sjie_.0501)

      นายหว่างให้การว่า ขณะขับรถยนต์ซึ่งยืมมาจากเพื่อน และบรรทุกเพื่อนร่วมชาติชาวเวียดนามอีก 4 คน เพื่อออกไปท่องเที่ยว ได้เฉี่ยวชนเข้ากับรถจักรยานยนต์ของนายเย่ที่ทางแยก ด้วยความตกใจจึงพากันทิ้งรถและแยกย้ายหลบหนีไป ก่อนจะตัดสินใจรวบรวมความกล้าเข้ามอบตัวในภายหลัง นายหว่างอ้างว่า ชาวเวียดนามที่นั่งในรถไปด้วย ไม่รู้ชื่อและที่อยู่ เพราะเป็นเพื่อนที่รู้จักกันผ่านโซเชียลและนัดกันไปเที่ยวเท่านั้น แต่ตำรวจไม่เชื่อ

สถานที่เกิดเหตุ 5 แรงงานเวียดนามผิดกฎหมาย ขับรถเพื่อนชนชายไต้หวันอายุ 67 ปีเสียชีวิตแล้วหนี (ภาพจาก Thread.sjie_.0501)

      เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการตรวจวัดระดับแอลกอฮอล์ในลมหายใจของนายหว่าง ไม่พบแอลกอฮอล์ในร่างกาย ส่วนความรับผิดชอบในคดีอยู่ระหว่างการตรวจสอบและประเมินโดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หลังการสอบปากคำ ตำรวจควบคุมตัวนายหวงส่งอัยการดำเนินคดีในข้อหาขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย และข้อหาหลบหนีหลังเกิดอุบัติเหตุ

      ตำรวจยังได้ย้ำเตือนว่า หากเกิดอุบัติเหตุทางถนน ควรรีบแจ้งเจ้าหน้าที่และช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ พร้อมรออยู่ในที่ปลอดภัยจนกว่าตำรวจจะมาถึง การหลบหนีจากที่เกิดเหตุจะเป็นความผิดทางอาญาและมีโทษหนักขึ้น

เมื่อเกิดอุบัติเหตุต้องอยู่ในสถานที่เกิดเหตุและช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ สื่อประชาสัมพันธ์จากกรมพัฒนากำลังแรงงาน กระทรวงแรงงาน

      ตามกฎหมายไต้หวัน หากเกิดอุบัติเหตุบนถนน ต้องให้ความช่วยเหลือผู้บาดเจ็บส่งรักษาพยาบาล และอยู่รอตำรวจมา หากออกไปจากที่เกิดเหตุ ถือว่าชนแล้วหนี อาจต้องรับโทษจำคุกและโทษปรับ ตามระดับความรุนแรงของคดี

      - หากมีผู้ได้รับบาดเจ็บ (แม้เพียงเล็กน้อย) แล้วผู้ขับขี่หลบหนี จะถูกลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 185-4 ด้วยโทษจำคุกไม่น้อยกว่า 6 เดือนและไม่เกิน 5 ปี ปรับเงิน 3,000 – 9,000 เหรียญไต้หวัน เพิกถอนใบขับขี่

      - หากอุบัติเหตุนำไปสู่การเสียชีวิตหรือบาดเจ็บสาหัส ผู้ขับขี่ที่หลบหนีจะได้รับโทษจำคุกอย่างน้อย 1 ปี และสูงสุดไม่เกิน 7 ปี เพิกถอนใบขับขี่และห้ามสอบใหม่ 12 ปีหรือถาวร

為提供您更好的網站服務,本網站使用cookies。

若您繼續瀏覽網頁即表示您同意我們的cookies政策,進一步了解隱私權政策。 

我了解