Skip to the main content block
::: หน้าแรก| แผนผังเว็บไซต์| Podcasts|
|
Language

Formosa Dream Chasers - Programs - RTI Radio Taiwan International-logo

รายการ
| รายการล่าสุด
เลือกรายการ
ผู้จัดรายการ ตารางรายการ
ประเด็น (ข่าว) ยอดนิยม
繁體中文 简体中文 English Français Deutsch Indonesian 日本語 한국어 Русский Español ภาษาไทย Tiếng Việt Tagalog Bahasa Melayu Українська แผนผังเว็บไซต์

บันทึกชีวิตในไต้หวัน : ปัญหาสุขภาพจิตแรงงานต่างชาติ ไม่ใช่แค่ความเหนื่อยล้าจากงาน แต่ยังมีภาระครอบครัว

 ปัญหาสุขภาพจิตแรงงานต่างชาติ ไม่ใช่แค่ความเหนื่อยล้าจากงาน แต่ยังมีภาระครอบครัว (ภาพ cfimc.com)
ปัญหาสุขภาพจิตแรงงานต่างชาติ ไม่ใช่แค่ความเหนื่อยล้าจากงาน แต่ยังมีภาระครอบครัว (ภาพ cfimc.com)

ไต้หวันเปิดรับแรงงานจากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มาเป็นเวลานานกว่า 32 ปี สถิติจากกระทรวงแรงงาน ณ สิ้นเดือนกรกฎาคม ไต้หวันมีแรงงานต่างชาติประมาณ 849,000 คน เนื่องด้วยอุปสรรคด้านภาษาและความแตกต่างทางวัฒนธรรม ทำให้ในช่วงแรกที่มาทำงานในไต้หวันต้องเผชิญความยากลำบากทั้งจากการสื่อสารและการปรับตัวกับสิ่งแวดล้อมใหม่ เป็นความรู้สึกที่ราวกับถูกพรากเสียง เพราะฟังภาษาไม่ออก พูดภาษาไม่ได้ บางคนไม่มีที่พึ่งพิง ไม่มีคนคอยปรับทุกข์หรือรับฟังปัญหา ทำให้รู้สึกโดดเดี่ยว จนหลายครั้งนำไปสู่โศกนาฏกรรมน่าเศร้า 

ด้วยเหตุนี้ ปัจจุบัน การดูแลด้านสุขภาพจิตในกลุ่มแรงงานต่างชาติ เริ่มกลายเป็นประเด็นที่องค์กรสิทธิมนุษยชนและแวดวงจิตวิทยาให้ความสำคัญ จากการสำรวจของศูนย์พักพิงแรงงานต่างชาติ มูลนิธิ The garden of hope foundation พบว่า แรงงานต่างชาติเกือบร้อยละ 70 เผชิญกับสภาพแวดล้อมที่ตึงเครียด ขณะเดียวกันทีมจิตแพทย์จากคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยไต้หวัน ก็พบว่า ผู้อนุบาลต่างชาติกว่าร้อยละ 40 มีปัญหาการนอนหลับ ซึ่งส่งผลกระทบต่อสุขภาพจิตของพวกเขา 

บันทึกชีวิตในไต้หวัน จะพาทุกคนมาอ่านบทความจากเว็ปไซต์ The reporter ที่เจาะลึกประเด็นเรื่องสุขภาพจิตของแรงงานต่างชาติ ความทุกข์ ความเครียด ความเศร้าที่แรงงานต่างชาติต้องเผชิญ มีปัจจัยจากอะไรบ้าง และจะแก้ไขได้อย่างไร ?


แรงงานต่างชาติเกือบ 70 รู้สึกกดดัน สุขภาพจิตกลายเป็นประเด็นใหม่ที่นักสิทธิมนุษยชนสนใจ(ภาพ opinion)

แรงงานต่างชาติเกือบ 70 % รู้สึกกดดัน สุขภาพจิตกลายเป็นประเด็นใหม่ที่นักสิทธิมนุษยชนสนใจ

สุขภาพจิตของแรงงานต่างชาติจากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กลายเป็นประเด็นที่องค์กรซึ่งทำงานด้านแรงงานต่างชาติและวงการจิตวิทยาให้ความสนใจ  เมื่อปี 2022  มูลนิธิ The garden of hope foundation  ได้ทำการสำรวจ “สภาพการทำงานและสุขภาพจิตของแรงงานต่างชาติ” จำนวน 531 คน โดยใช้แบบประเมินความทุกข์ทางใจของเคสเลอร์ (The Kessler Psychological Distress. Scales: K10) ผลการสำรวจพบว่าร้อยละ 67.4 ของผู้ตอบแบบสอบถามอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยความกดดัน โดยร้อยละ 14.3 จัดอยู่ในกลุ่มที่มีความเครียดสูงมาก ต้องการคำปรึกษาและความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญ

ในบรรดาแรงงานต่างชาติที่ร่วมทำแบบสำรวจนี้  เป็นแรงงานในภาคการผลิต 150 คน แรงงานภาคครัวเรือน 381 คน พบว่า แรงงานภาคครัวเรือนมีปัญหาทางอารมณ์สูงกว่าแรงงานภาคการผลิต หลายคนระบุว่า สาเหตุที่ทำให้รู้สึกซึมเศร้า มาจากการที่พวกเขาถูกนายจ้างห้ามใช้โทรศัพท์แม้ในช่วงพัก ไม่สามารถออกไปข้างนอกในวันหยุด และบางรายต้องเฝ้าผู้ป่วยตลอด 24 ชั่วโมง แสดงให้เห็นว่าภาระงานและความกดดันในการดูแลผู้ป่วย ทำให้แรงงานในภาคครัวเรือนรู้สึกเหนื่อยล้าทั้งกายและใจ

ด้านวงการสาธารณสุข นายแพทย์เฉินอี๋หมิง (陳宜明) และแพทย์หญิงเจี่ยนอี้หลิง (簡意玲) แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านจิตเวชจากโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยไต้หวัน ก็ได้ทำการศึกษาคุณภาพการนอนหลับและสุขภาพจิตของผู้อนุบาลต่างชาติในปี 2023 ผลการวิจัยพบว่าผู้เข้าร่วมวิจัยกว่าร้อยละ 40 มีปัญหาด้านการนอนหลับ และเกือบร้อยละ 65 มองว่าการทำงานด้านการดูแลเป็นงานที่กดดันอย่างมาก

หวงจือหัว (黃姿華) เลขาธิการสหภาพผู้อนุบาลต่างชาติ นครเถาหยวน วิเคราะห์ว่า ชีวิตและการทำงานของผู้อนุบาลแทบจะแยกจากกันไม่ออก พวกเขายากที่จะสร้างสายสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกับครอบครัวผู้ป่วยหรือผู้สูงอายุที่ต้องดูและ และไม่ค่อยมีเพื่อนฝูง เป็นสาเหตุที่ทำให้ผู้อนุบาลต่างชาติมีภาวะซึมเศร้ามากกว่าแรงงานในภาคการผลิต หวงจือหัวเล่าว่า เธอเคยสอบถามผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยาแทนสมาชิกในสหภาพว่า จะแก้ปัญหานี้อย่างไร คำตอบที่ได้คือ “ต้องหลีกหนีจากสภาพแวดล้อมที่กดดัน” แต่สำหรับเธอแล้ว คำตอบนี้กลับยิ่งสร้างความสับสน เพราะผู้อนุบาลต้องอาศัยอยู่กับครอบครัวที่พวกเขาดูแลตลอด 24 ชั่วโมง แล้วจะให้หลีกหนีออกมาได้อย่างไร

นอกจากต้องทำงานหนักแล้ว ผู้อนุบาลหลายคนยังต้องเผชิญกับการรับมือความสูญเสียเมื่อผู้ที่ถูกดูแลเสียชีวิต เป็นอีกหนึ่งแรงกดดันที่พบบ่อย หวงจือหัวเผยว่า ผู้อนุบาลที่ดูแลผู้ป่วยอย่างใกล้ชิดจะมีความผูกพันทางอารมณ์ และเมื่อผู้ป่วยจากไป ก็จะเกิดความโศกเศร้าที่ถาโถมตามมา

ยิ่งไปกว่านั้น การจากไปของผู้ป่วยยังหมายถึงจุดเริ่มต้นของการตกงาน หวงจือหัวสังเกตเห็นว่า ผู้อนุบาลหลายคนยังไม่ทันได้อยู่กับความเศร้าในใจ ก็ต้องรีบคิดถึงการหานายจ้างใหม่ “ฉันไม่มีเวลามามัวเสียใจ ฉันต้องรีบหานายจ้างใหม่ให้ได้” ความคิดเช่นนี้มักฝังอยู่ในใจ และเมื่อพวกเขาเข้าสู่บ้านหลังใหม่ก็เริ่มรู้สึกหดหู่โดยไม่รู้ตัว บางรายอาการรุนแรงถึงขั้นมีอาการประสาทหลอน โดยเฉพาะในกลุ่มผู้อนุบาลที่ยังขาดประสบการณ์ ซึ่งมักไม่รู้ตัวว่าตนเองกำลังมีบาดแผลทางใจ และเลือกที่จะเพิกเฉยต่อมัน ปล่อยให้บาดแผลนั้นสมานเองโดยไร้การเยียวยา

สมาคมบริการสาธารณะ นครเถาหยวน เป็นอีกหนึ่งองค์กรที่ทำงานด้านแรงงานต่างชาติมาอย่างยาวนาน ซึ่งให้ความช่วยเหลือแรงงานที่ถูกทำร้ายหรือตกเป็นเหยื่อการเอารัดเอาเปรียบ โดยได้จัดตั้งศูนย์พักพิง 3 แห่งให้แรงงานที่อยู่ระหว่างขั้นตอนการเปลี่ยนนายจ้างอย่างถูกกฎหมายมี “บ้านชั่วคราว” พักพิง คุณตู้กวงอวี่ (杜光宇) ผู้ก่อตั้งสมาคมเผยว่า หลายครั้งที่แรงงานต่างชาติถูกส่งเข้ามายังบ้านพักชั่วคราว ภายหลังกลับพบว่าพวกเขามีปัญหาความผิดปกติทางอารมณ์

คุณตู้กวงอวี่เล่าว่า เคยมีผู้อนุบาลชาวอินโดนีเซียรายหนึ่งปฏิเสธที่จะกินอาหารโดยไม่ทราบสาเหตุ สุดท้ายถึงกับหมดสติและต้องถูกนำส่งโรงพยาบาล อีกกรณีหนึ่งคือแรงงานชาวเวียดนามที่ทำงานภาคการผลิต ไม่ยอมพูดจากับใคร แถมยังหวาดระแวงตลอดเวลาว่ามีคนจะทำร้ายตัวเอง ถึงขั้นซ่อนมีดไว้ใต้หมอน สมาคมจึงจำเป็นต้องขอให้ตำรวจช่วยนำตัวส่งโรงพยาบาล และแพทย์วินิจฉัยว่าป่วยเป็นโรคจิตเภท โดยที่คุณตู้กวงอวี่แทบไม่สามารถช่วยอะไรได้เลย ประสบการณ์เหล่านี้ทำให้เขาเริ่มตระหนักและหันมาให้ความสำคัญกับ “สุขภาพจิตของแรงงานต่างชาติ” โดยหวังว่าจะสามารถให้ความช่วยเหลือแก่พวกเขาได้ตั้งแต่เนิ่นๆ ก่อนที่ปัญหาจะบานปลายจนยากเกินรับมือ


ปัญหาสุขภาพจิตแรงงานต่างชาติ ไม่ใช่แค่ความเหนื่อยล้าจากงาน แต่ยังมีภาระครอบครัว (ภาพ 21manpower)

ในมุมมองของนักจิตบำบัด: ปัญหาสุขภาพจิตแรงงานต่างชาติ ไม่ใช่แค่ความเหนื่อยล้าจากงาน แต่ยังมีภาระครอบครัว

สมาคมให้คำปรึกษาเชิงจิตวิทยาพหุวัฒนธรรมแห่งไต้หวัน (Taiwan Multicultural Counseling Association) ซึ่งก่อตั้งโดยคุณชิวอี้ฟาง (邱逸芳) นักจิตบำบัด กำลังพยายามหาทางบรรเทาสถานการณ์นี้ เธอเล่าว่า ครั้งหนึ่งมีแรงงานต่างชาติคนหนึ่งค้นหาบริการจิตบำบัดทางออนไลน์ และค้นพบข้อมูลของเธอที่สามารถให้บริการเป็นภาษาอังกฤษ โดยแรงงานคนนั้นได้ใช้เวลาช่วงวันหยุดอันน้อยนิด นั่งรถมาที่ไทเปเพื่อพบนักจิตบำบัด คุณชิวเล่าว่า แรงงานคนนั้นรู้สึกไม่มีความสุขเลย สงสัยว่าตัวเองกำลังจะป่วยหรือเปล่า และอยากรู้ว่าทำไมตัวเองถึงรู้สึกหดหู่ขนาดนี้

นี่เป็นครั้งแรกในเส้นทางการเป็นนักจิตบำบัด 10 กว่าปีของคุณชิว ที่มีแรงงานต่างชาติมาขอรับการปรึกษาด้วยตนเอง และยอมจ่ายเงินเองเพื่อขอความช่วยเหลือ แรงงานรายนี้เป็นชาวฟิลิปปินส์ ทำงานอยู่ในโรงงานแห่งหนึ่งในนครเถาหยวน หลังการพูดคุยเชิงลึกมากขึ้นเรื่อย ๆ คุณชิวจึงเริ่มตระหนักว่า บาดแผลทางใจของแรงงานรายนี้ไม่ได้เกิดจากเรื่องใดเรื่องหนึ่ง แต่เป็นผลรวมจากหลายปัจจัย ทั้งสภาพการทำงานที่กดดันต่อเนื่อง การไม่มีเพื่อนสนิทให้แบ่งเบาความรู้สึก และแรงกดดันทางการเงินที่ต้องส่งเสียครอบครัวที่บ้าน

แรงงานต่างชาติรายนี้สารภาพกับคุณชิวว่า ความจริงแล้วเธอไม่อยากออกมาทำงานต่างประเทศ แต่เพราะเป็นลูกสาวคนโต รายได้ทั้งครอบครัวต้องพึ่งพาเธอ เธอจึงถูกบีบให้ต้องดิ้นรน ระหว่างความฝันของตัวเองกับความต้องการของครอบครัว” คุณชิวอธิบายว่า รายละเอียดเล็ก ๆ ที่สร้างความกดดันเช่นนี้ ต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญคอยชี้นำ เพื่อให้ผู้รับบริการสามารถค่อย ๆ แยกแยะที่มาของความเศร้าหมอง พูดออกมาได้ และเดินหน้าสู่การบำบัดในขั้นตอนต่อไป

หลังจากมีโอกาสพบปะกับแรงงานต่างชาติมากขึ้น คุณชิวก็ยิ่งพบว่า พวกเขาส่วนใหญ่มักเป็นลูกชายหรือลูกสาวคนโตในครอบครัว เนื่องจากพ่อแม่ต้องทำงานหนัก พวกเขาจึงมักรับบทเป็นพ่อแม่ที่คอยดูแลน้อง ๆ ตั้งแต่ยังเป็นวัยรุ่น และเมื่อโตขึ้นก็ยังต้องเดินทางไปทำงานต่างประเทศเพื่อหารายได้มาเลี้ยงดูครอบครัวแทนพ่อแม่ที่แก่ชราแล้ว แบกรับภาระการดูแลทั้งรุ่นพ่อแม่และน้องๆไว้บนบ่า

คุณชิวชี้ว่า วันหยุดและเงินของแรงงานต่างชาติมีจำกัด การที่จะค่อย ๆ พูดคุยให้เขาเปิดใจ และค้นพบสาเหตุของความโศกเศร้าจึงไม่ใช่เรื่องง่าย “บางทีเรามีโอกาสคุยกับเขาแค่ครั้งเดียว และอาจเป็นเพียงครั้งเดียวนั้นที่จะช่วยเขาได้”

อย่างไรก็ตาม แรงงานฟิลิปปินส์ซึ่งมีทักษะภาษาอังกฤษดีกว่า จึงสามารถพูดคุยกับคุณชิวได้อย่างราบรื่น แต่คำถามคือแล้วแรงงานไทย เวียดนามหรืออินโดนีเซียที่ไม่ถนัดภาษาอังกฤษล่ะ? คนกลุ่มนี้ส่วนใหญ่แทบไม่มีโอกาสได้ถูก “รับฟัง” อย่างแท้จริง คุณชิวอธิบายว่า หากต้องอาศัยบุคคลที่ไม่ได้ผ่านการฝึกฝนมาช่วยแปล ก็จะกระทบทั้งต่อหลักการรักษาความลับของการให้คำปรึกษา และทำให้บทสนทนาระหว่างนักบำบัดกับผู้รับการปรึกษาขาดความลื่นไหล อีกทั้งในการให้คำปรึกษา สิ่งเล็ก ๆ อย่างสีหน้า ท่าทาง หรือแม้แต่จังหวะการหายใจ ล้วนเป็นเบาะแสสำคัญให้นักบำบัดประเมินสภาพจิตใจได้ หากล่ามไม่เข้าใจว่าจะช่วยเสริมตรงไหน ความรู้สึกและความผูกพันทางอารมณ์ระหว่างสองฝ่ายก็อาจถูกทำลายได้อย่างง่ายดาย

คุณชิวมีความเห็นว่า ไต้หวันจำเป็นต้องเร่งพัฒนาล่ามด้านจิตบำบัดที่มีความเป็นมืออาชีพ รวมถึงบุคลากรด้านสุขภาพจิตที่เข้าใจวัฒนธรรมเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ขณะเดียวกัน เธอยังหวังว่า ลูกหลานผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่ จะก้าวขึ้นมาเป็นนักจิตวิทยาหรือที่ปรึกษาเชิงพหุวัฒนธรรมในอนาคตมากขึ้น

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา สังคมเริ่มตระหนักว่า “แรงงานต่างชาติไม่ใช่แค่แรงงาน แต่เป็นคนที่มีชีวิตจริง ๆ” แต่สำหรับแรงงานที่ทำงานหนัก ทั้งงานที่ต้องใช้กำลังแรงงานและงานที่ต้องดูแลผู้ป่วยตลอดเวลา เมื่อเผชิญกับปัญหาสุขภาพกายและสุขภาพจิต ไม่สามารถพึ่งพาแค่คนบ้านเดียวกันที่ทำงานในไต้หวันเพียงอย่างเดียว นายจ้าง เอเยนต์และภาครัฐบาลล้วนเป็นส่วนสำคัญ ที่สามารถช่วยดูแลเอาใจใส่สภาพจิตใจของแรงงานต่างชาติที่ใช้ชีวิตอยู่ต่างบ้านต่างเมือง 

แน่นอนว่า ในสังคมที่กว้างใหญ่เช่นนี้ มักมีคนบางกลุ่มที่อาจตกหล่นในสังคม เป็นกลุ่มคนที่เข้าไม่ถึงทรัพยากรความช่วยเหลือต่าง ๆ รู้สึกหมดสิ้นหนทาง นำไปสู่การจบชีวิตตัวเอง เพราะคิดว่าจะเป็นการจบปัญหา หากใครที่กำลังมีความรู้สึกเช่นนี้หรือพบว่าคนรอบข้างมีความรู้สึกเช่นนี้อยู่ โปรดอย่าเพิ่งตัดสินอะไรทั้งสิ้น อย่าเพิ่งตัดสินถูกผิด อย่ากล่าวโทษตัวเองหรือผู้อื่น เพราะจะเป็นการซ้ำเติมให้รู้สึกผิดมากกว่าเดิม หากเป็นไปได้ โปรดหาคนที่รับฟัง หรือถ้าไม่มีคนรอบข้าง ให้โทรความช่วยเหลือจากสายด่วนแรงงาน 1955 ที่มีล่ามภาษาไทย หรือปรึกษาสำนักงานแรงงานไทย ไทเป เกาสง หรือส่งข้อความมาที่แฟนเพจอาร์ทีไอ หากจะบอกว่าทุกปัญหามีทางออก อาจฟังดูเป็นคำที่เชย แต่ขอให้เชื่อว่ามันเป็นเช่นนั้นจริง ๆ 

หากคุณยังหาทางออกให้ปัญหาคุณเผชิญในวันนี้ไม่ได้ ถ้าอย่างนั้น ลองพาร่างกายของตัวเองออกจากพื้นที่ตรงนั้น ไปสูดอากาศข้างนอก ไปตากแดด งานวิจัยหลายชิ้นยืนยันว่าแสงแดดช่วยลดความเศร้าได้ โดยเฉพาะแสงแดดยามเช้าที่ช่วยกระตุ้นการผลิตสารเซโรโทนินในสมอง ซึ่งเป็นสารสื่อประสาทที่ส่งผลให้อารมณ์ดีขึ้น และลดฮอร์โมนเมลาโทนินที่เกี่ยวข้องกับการนอนหลับและอารมณ์ ทำให้รู้สึกตื่นตัวและลดความหดหู่ได้ หรือลองไปอาบน้ำ จะช่วยกระตุ้นการหลั่งสารแห่งความสุข  โดยเฉพาะการอาบน้ำเย็นสามารถช่วยลดความเศร้าและความเครียดได้เช่นกัน นอกจากนี้ การเล่นกีฬาก็เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่จะช่วยให้เรารู้สึกสดชื่น พอร่างกายได้ขยับ ความคิดในสมองก็จะเงียบลง และบางทีคุณอาจพบว่า มันไม่ได้มีอะไรเลย ชีวิตยังต้องดำเนินต่อไป ขอส่งกำลังใจให้กับทุกๆคน ทุกๆชีวิตที่ตั้งใจทำงาน ตั้งใจดำเนินชีวิตในแต่ละวันอย่างดีที่สุด ทุกคนเก่งกันมากๆ 

ประเด็นร่วม & Podcast
บันทึกชีวิตในไต้หวัน-台灣泰幸福
บันทึกชีวิตในไต้หวัน
เวลาออกอากาศ: วันอาทิตย์
ประเด็นประจำสัปดาห์

為提供您更好的網站服務,本網站使用cookies。

若您繼續瀏覽網頁即表示您同意我們的cookies政策,進一步了解隱私權政策。 

我了解