การใช้ชีวิตในต่างแดน สำหรับใครหลาย ๆ คน อาจเป็นทั้งความฝันและความท้าทาย การก้าวออกจากบ้านเกิด มาสู่สังคมที่เต็มไปด้วยภาษา วัฒนธรรม และวิถีชีวิตที่แตกต่าง บางครั้งก็ทำให้เรารู้สึกเหงา กดดัน และเหมือนไม่เป็นส่วนหนึ่งของที่นี่ แต่ในความท้าทายเหล่านั้น ก็ซ่อนโอกาสให้เราได้เรียนรู้ เติบโต และสร้างชีวิตใหม่ที่มั่นคง
บันทึกชีวิตในไต้หวันสัปดาห์นี้ เราจะพาไปติดตามเรื่องราวของผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่สองคน ที่แต่ละคนต่างผ่านเส้นทางชีวิตไม่เหมือนกัน แต่เต็มไปด้วยความพยายามและแรงบันดาลใจ คนแรกคืออาเพ่ย ผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่ชาวไทย หลังจากแต่งงานและย้ายมาไต้หวัน เธอเผชิญอุปสรรคด้านภาษาและวัฒนธรรมเหมือนใครหลายๆคน แต่ด้วยความพยายามและการสนับสนุนจากศูนย์จัดหางานไต้หวัน เธอสามารถหางานทำ มีรายได้ที่มั่นคง ช่วยให้เธอมีความมั่นใจอีกครั้งและตั้งตัวกับชีวิตในต่างแดนได้สำเร็จ ส่วนผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่อีกคนคือ จางเซ่าหรง ชาวฟิลิปปินส์ จากการมาทำงานที่ไต้หวันในสถานะแรงงานต่างชาติ ภายหลังพบรักและแต่งงานกับชาวไต้หวัน เธอไม่เพียงสร้างครอบครัวที่อบอุ่นและมั่นคง แต่ยังกลายเป็นล่ามที่คอยช่วยเหลือแรงงานต่างชาติที่มาจากประเทศเดียวกันกับเธอ ให้สามารถปรับตัวเข้ากับไต้หวันได้อย่างราบรื่น เรื่องราวของทั้งสองคนอาจกลายเป็นแรงบันดาลใจให้แก่ใครหลาย ๆ คนที่มาทำงานในต่างแดน และกำลังเผชิญกับความยากลำบาก ให้ก้าวข้ามอุปสรรคในชีวิตไปได้ พวกเขามีทัศคติในการดำเนินชีวิตอย่างไร เราไปติดตามพร้อมกันในรายการเลยค่ะ

อาเพ่ย (นามสมมุติ) ผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่ชาวไทย เริ่มต้นชีวิตใหม่ในไต้หวัน (ภาพ udn.)
การเริ่มต้นชีวิตใหม่ในต่างแดนไม่ใช่เรื่องง่ายเลย อาเพ่ย (นามสมมุติ) ผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่ชาวไทย ที่แต่งงานกับชาวไต้หวัน และย้ายมาอยู่กับสามีที่ตำบลสุ่ยซ่าง เมืองเจียอี้ ภาคใต้ของไต้หวัน ตอนแรกที่มาถึงไต้หวัน เธอต้องเผชิญกับอุปสรรคด้านภาษา ความแตกต่างทางวัฒนธรรมและวิถีชีวิตความเป็นอยู่ ทำให้เธอรู้สึกโดดเดี่ยว ไร้ที่พึ่ง เธอพยายามหางานทำ แต่ก็มักประสบกับความล้มเหลว ไม่สามารถเข้ากับสังคมและสถานที่ทำงานได้ โชคดีที่มีศูนย์จัดหางานผู่จือ สำนักงานสุ่ยซ่าง คอยให้การดูแลและช่วยเหลือ ทำให้อาเพ่ยมองเห็นทิศทางที่ชัดเจน และได้งานประจำงานแรกในไต้หวัน เริ่มปรับตัวเข้ากับวัฒนธรรมการทำงานและจังหวะชีวิตที่นี่ ไม่เพียงแต่ช่วยแบ่งเบาภาระทางเศรษฐกิจของครอบครัว แต่ยังทำให้เธอกลับมามีความมั่นใจอีกครั้ง
ในอดีต อาเพ่ยเคยทำงานเป็นพนักงานในแผนกบรรจุภัณฑ์ที่เมืองไทย ทำให้เธอกลายเป็นคนที่มีสมาธิและมีความละเอียดรอบคอบ และสามารถทำงานซ้ำ ๆ ได้อย่างแม่นยำ ประสบการณ์นี้จึงกลายเป็นทักษะที่ช่วยให้เธอก้าวข้ามอุปสรรคด้านภาษาได้ ด้วยความช่วยเหลือของเจ้าหน้าที่จัดหางาน ที่ช่วยให้อาเพ่ยเข้าถึงโครงการและมาตรการต่าง ๆ ของรัฐ อาทิ “โครงการเรียนรู้และปรับตัวในสถานที่ทำงาน” “มาตรการสนับสนุนการจ้างงานผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่” และ “โครงการส่งเสริมการจ้างงานสตรี” ทำให้อาเพ่ยผ่านการคัดเลือกเข้าทำงานที่บริษัทพัฒนาเครื่องมือช่างแห่งหนึ่งในตำบลสุ่ยซ่างได้สำเร็จ โดยเธอทำหน้าที่เป็นพนักงานบรรจุภัณฑ์ รับผิดชอบงานทำความสะอาด เช็ด ประกอบ และบรรจุผลิตภัณฑ์
เมื่อพูดถึงงานนี้ อาเพ่ยกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “เมื่อมีรายได้ที่มั่นคงขึ้น เธอก็ค่อย ๆ ปรับตัวเข้ากับจังหวะชีวิตในไต้หวัน รู้สึกสบายใจมากขึ้น และยังมีความเชื่อมั่นต่ออนาคตมากขึ้นด้วย” ขณะเดียวกัน เพื่อนร่วมงานก็ชื่นชมเธอเป็นอย่างมาก แม้การสื่อสารในงานส่วนใหญ่จะใช้การพยักหน้าและส่ายหน้า หรือภาษากายอยู่บ่อยๆครั้ง แต่เธอกลับมีสมาธิในการทำงาน และเป็นคนทำงานละเอียด รายละเอียดหลายอย่างไม่ต้องมีใครเตือนก็สามารถทำได้อย่างถูกต้องแม่นยำ แถมยังทำงานได้รวดเร็วและเป๊ะ หัวหน้าและเพื่อนร่วมงานต่างก็มั่นใจว่า ด้วยทัศนคติและความพยายามของเธอ อาเพ่ยจะสามารถยืนหยัดได้ด้วยตัวเองในอีกไม่นาน

อาเพ่ย ผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่ชาวไทย ได้รับความช่วยเหลือจากศูนย์จัดหางานผู่จือ ทำให้มีงานและรายได้ที่มั่นคง (ภาพ udn.)
ศูนย์จัดหางานผู่จื่อเน้นย้ำว่า “ความมั่นคงทางเศรษฐกิจ คือหลักประกันที่แข็งแกร่งที่สุดของการเริ่มต้นชีวิตใหม่” การที่อาเพ่ยได้งานนี้ ไม่เพียงสามารถช่วยเหลือค่าใช้จ่ายในครอบครัว แต่ยังทำให้เธอกลับมามีความมั่นใจอีกครั้งกับชีวิตในต่างแดน ในอนาคตทางศูนย์จัดหางานฯ จะเดินหน้าผลักดันมาตรการบริการด้านการจ้างงานที่หลากหลาย เพื่อช่วยให้ผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่ในไต้หวันได้งานที่ช่วยให้พวกเขามีความมั่นคง อุ่นใจ และมั่นใจในชีวิตปัจจุบันและอนาคตได้อย่างแท้จริง
นอกจากนี้ นางจางชุนเหม่ย (張春美) ผู้อำนวยการศูนย์จัดหางานผู่จือ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 6 สิงหาคม กระทรวงแรงงานไต้หวัน ได้มีการปรับแก้ไข “แนวทางการให้เงินอุดหนุนเพื่อส่งเสริมการจ้างงานผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่” ซึ่งได้ขยายกลุ่มเป้าหมายของผู้มีสิทธิ์รับเงินอุดหนุนการจ้างงาน นอกจากชาวต่างชาติ ชาวจีนแผ่นดินใหญ่ ชาวฮ่องกงหรือมาเก๊าและบุคคลไร้สัญชาติ ที่แต่งงานหรือเคยแต่งงานกับชาวไต้หวัน และได้รับอนุญาตให้พำนักในไต้หวันในเงื่อนไขต่างๆ ทั้งการติดตามคู่สมรส การพำนักต่อเนื่อง การพำนักระยะยาว การพำนักถาวรหรือการย้ายถิ่นฐานแล้ว ยังครอบคลุมผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่ที่ได้รับสัญชาติไต้หวันและมีชื่อในทะเบียนบ้าน เพื่อคุ้มครองและขยายสิทธิประโยชน์ด้านการจ้างงานของผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่
ซึ่งแนวทางการให้เงินอุดหนุนเพื่อส่งเสริมการจ้างงานผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่ฉบับนี้ จะช่วยให้ผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่สามารถเข้ารับการฝึกอบรมวิชาชีพฟรี ช่วยเพิ่มความสามารถในการแข่งขันในตลาดแรงงาน และให้เงินช่วยเหลือค่าครองชีพในระหว่างการฝึกอบรมเพื่อให้ผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่ฝึกอบรมได้อย่างสบายใจ และยังมีโอกาสทำงานชั่วคราวผ่านกลไกการจ้างงานระยะสั้น รวมถึงการให้เงินอุดหนุนค่าเดินทาง นอกจากนี้ ยังมีมาตรการให้เงินรางวัลนายจ้างที่ว่าจ้างผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่ เพื่อเพิ่มแรงจูงใจให้นายจ้างจ้างงานเพิ่มขึ้น

จากแรงงานต่างชาติสู่ผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่ จางเซ่าหรง ใช้ชีวิตอย่างไม่ยอมให้ใครมากำหนดตัวตน
นางจางเซ่าหรง(張韶容) มาจากประเทศฟิลิปปินส์ เธออาศัยอยู่ในไต้หวันมานานกว่า 20 ปี เธอไม่เพียงมีครอบครัวที่อบอุ่นและมั่นคง แต่ยังเป็นล่ามที่คอยช่วยเหลือแรงงานจากฟิลิปปินส์ให้สามารถปรับตัวเข้ากับสังคมไต้หวันได้อย่างราบรื่น อีกสิ่งหนึ่งที่น่าชื่นชมคือ เธอกำลังเรียนชั้นมัธยมต้นไปพร้อมกับลูกชายวัยรุ่นของเธอ และมีแผนที่จะศึกษาต่อในอนาคต แสดงให้เห็นถึงทัศนคติของผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่ที่มุ่งมั่นเรียนรู้และพัฒนาศักยภาพของตัวเองอยู่เสมอ
เนื่องจากฐานะทางบ้านยากจน จางเซ่าหรงจึงเดินทางมาไต้หวันตั้งแต่ปี 2000 ตอนแรกเธอทำงานในบริษัท AUO เป็นบริษัทผลิตแผงจอแสดงผลชั้นนำของไต้หวัน เป็นเวลา 3 ปี หลังจากนั้นเธอได้เปลี่ยนงาน แต่ก็ประสบปัญหาบริษัทถูกปิด แม้ว่าชีวิตจะไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง แต่เธอก็เลือกที่จะอยู่ในไต้หวันต่อไป เผชิญหน้ากับอุปสรรคและการเปลี่ยนแปลงอย่างกล้าหาญ ความมุ่งมั่นไม่ท้อถอยนี้ ทำให้เธอได้พบกับสามีในปัจจุบันและเริ่มต้นชีวิตใหม่ หลังแต่งงาน เธอก็ตั้งใจเรียนภาษาจีน ศึกษาต่อ พยายามปรับตัวเข้ากับสังคมไต้หวัน ค่อยๆสร้างรากฐานในต่างแดนให้มั่นคง จนค้นพบที่ยืนของตัวเธอเอง

จางเซ่าหรงกลายเป็นผู้สร้างแรงบันดาลใจผ่านการแบ่งปันเรื่องราวชีวิตของตัวเอง (ภาพจาก จางเซ่าหรง )
ความยากลำบากที่เธอต้องเผชิญตลอดเส้นทางที่ผ่านมา ทำให้จางเซ่าหรงกลายเป็นผู้สร้างแรงบันดาลใจผ่านการแบ่งปันเรื่องราวชีวิตของตัวเอง เธอมักจะให้กำลังใจแรงงานต่างชาติที่เพิ่งมาไต้หวันว่า “ต้องเรียนภาษาจีนให้มาก ๆ ต้องรู้จักวางแผนการเงิน เพื่อให้มีโอกาสพลิกชีวิตในอนาคต” เธอนำความรู้ที่เรียนมา ไปปรับใช้ในการทำงาน ช่วยแก้ปัญหาในชีวิตประจำวันและปัญหาต่างๆ ให้แก่เพื่อนๆชาวฟิลิปปินส์ที่มาทำงานในไต้หวัน เธอสังเกตเห็นว่า คนไต้หวันให้ความสำคัญกับการวางแผนปัจจุบันและอนาคต และสิ่งนี้ก็เกณฑ์ที่เธอใช้เตือนตัวเองให้เป็นคนรู้จักวางแผน เธอเชื่อว่าชีวิตที่มั่นคงเริ่มต้นจากการเรียนรู้
ในชีวิตสมรส จางเซ่าหรงและสามีให้ความสำคัญกับการยอมรับ การสื่อสารกันด้วยความเข้าใจ และเคารพความแตกต่างทางวัฒนธรรมของกันและกัน เธอเข้าใจว่าการแต่งงานไม่ใช่แค่การเข้ากันได้ระหว่างสองคน แต่คือการเข้าใจและการหลอมรวมกันระหว่างสองครอบครัว “หัวใจที่เต็มไปด้วยความกตัญญู” คือค่านิยมสำคัญในชีวิตของเธอ และเป็นสิ่งที่เธอต้องการปลูกฝังให้กับลูกๆ มากที่สุด
แม้ว่าอายุจะใกล้เลขห้าแล้ว แต่ชีวิตของจางเซ่าหรงยังคงเต็มเปี่ยมไปด้วยความหวัง เป้าหมายของเธอคือ “อีกสิบปีจะเป็นเถ้าแก่” เธอเชื่อว่าอายุไม่ควรเป็นเหตุผลในการจำกัดตัวเอง เราควรรักษาเปลวไฟแห่งการเรียนรู้ให้คงอยู่ต่อเนื่อง เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกมองว่าเป็นคนล้าสมัยหรือหัวโบราณ สำหรับเธอแล้ว การทำงานไม่ใช่แค่การหาเลี้ยงชีพ แต่มันคือเวทีที่ทำให้ชีวิตมีคุณค่า ปัจจุบัน เธอกับสามีกลับไปลงทุนอสังหาริมทรัพย์ที่ฟิลิปปินส์ เพื่อสร้างอนาคตที่มั่นคงยิ่งขึ้นให้แก่ครอบครัว เธอเชื่อเสมอว่า ตราบใดที่ไม่หยุดท้าทายตัวเอง เราก็จะค้นพบทิวทัศน์และความเป็นไปได้ใหม่ ๆ บนเส้นทางชีวิตของเรา

นางจางเซ่าหรงสร้างชีวิตใหม่ในไต้หวันของตัวเอง มีครอบครัวที่อบอุ่นและงานที่มั่นคง และช่วยเหลือแรงงานต่างชาติที่มาจากประเทศเดียวกันกับเธอ (ภาพจาก จางเซ่าหรง )
ทั้งหมดนี้ คือเรื่องราวของ อาเพ่ยและจางเซ่าหรง ผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่ชาวไทยกับชาวฟิลิปปินส์ที่ก้าวผ่านอุปสรรคและความท้าทายของการใช้ชีวิตต่างแดน จนสามารถสร้างชีวิตใหม่ที่มั่นคงและเต็มไปด้วยความหวัง เรื่องราวของพวกเธอสอนให้เราเห็นว่า แม้การเริ่มต้นใหม่จะไม่ง่าย แต่ด้วยความพยายาม ความอดทน และการสนับสนุนจากผู้คนรอบข้าง เราก็สามารถก้าวผ่านความยากลำบาก สร้างชีวิตที่มั่นคง และหาจุดยืนที่เหมาะสมกับตัวเอง เพื่อใช้ชีวิตในต่างแดนได้อย่างมีความสุข
สำหรับผู้ฟังทุกท่านที่กำลังเผชิญความท้าทาย หรือกำลังเริ่มต้นชีวิตใหม่ ขอให้เรื่องราวของอาเพ่ยและจางเซ่าหรงจะเป็นแรงบันดาลใจให้คุณเชื่อมั่นในตัวเอง และจำไว้เสมอว่า ทุกความพยายามไม่สูญเปล่า และทุกก้าวที่เราก้าวไป จะนำพาเราไปสู่ชีวิตที่มีค่าและมีความสุข