ธีระ หยาง และบันเทิงดอทคอม ประจำสัปดาห์นี้ (2025-09-14)
- ทักทายกันด้วยผลงานของเซียวปิ่งจื้อ กับเพลงรักสไตล์เซียว ในเพลง 520 ที่หมายถึง หว่อ อ้าย หนี่ ซึ่งเป็นผลงานของหนุ่มเซียวฯ ที่แตกต่างจากเพลงรักที่เศร้าสร้อยในอดีตอย่างสิ้นเชิง โดยเซียวปิ่งจื้อเผยว่า "เพราะทำนองมันหวานมาก ผมเลยแต่งเสร็จในเวลาแค่ไม่กี่ชั่วโมง" ที่ผ่านมาเซียวปิ่งจื้อมักจะแต่งทั้งเนื้อร้องและทำนองเองทั้งหมด แต่ในครั้งนี้เขาได้ชวนเพื่อนสนิทอย่าง เซิ่งห้าว จากวง Mr. Miss มาช่วยเขียนเนื้อเพลง และตัวเขาเองก็มีส่วนร่วมด้วย โดยเขาอธิบายว่า "เนื้อเพลงที่ผมเขียนจะค่อนข้างตรงไปตรงมา แต่เซิ่งห้าวจะซ่อนความโรแมนติกไว้ในรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ของตัวอักษร" พร้อมฟังอีกหนึ่งผลงานของเซียวปิ่งจื้อในเพลง What Am I Fighting For ซึ่งเป็นเพลงซาวน์แทรคของหนังแอคชั่นไต้หวันฟอร์มยักษ์อย่าง 96 นาที (คลิกชมหนังตัวอย่าง) ซึ่งเซียวปิ่งจื้อ และฟราน (Fran) เจ้าของรางวัล Golden Horse Award สาขาดนตรีประกอบภาพยนตร์ยอดเยี่ยม ได้มาทำงานด้วยกันเป็นครั้งแรก และเพื่อให้สอดคล้องกับเนื้อเรื่องของภาพยนตร์ ในการถ่ายทำมิวสิกวิดีโอ (MV) จึงมีการนำเครื่องจับเท็จมาใช้ เพื่อให้ทั้งคู่ได้ "สอบปากคำ" กันและกัน โดยในระหว่างการแสดง สำหรับภาพยนตร์แอ็กชันแนวดราม่าเรื่อง 96 นาที ได้เล่าเรื่องราวของรถไฟที่กำลังมุ่งหน้าสู่ทางใต้ ซึ่งมีระเบิดซ่อนอยู่ โดยมีเวลาเพียง 96 นาทีให้ผู้เชี่ยวชาญด้านการเก็บกู้ระเบิดซึ่งรับบทโดยหลินปํ่วหง พระเอกคนดัง มาทำการค้นหาระเบิดและกู้สถานการณ์ให้ทันเวลา (ภาพจาก B'inMusic)

- สัมภาษณ์พิเศษคุณไก่ ณฐพล บุญประกอบ ผู้กำกับซีรีส์ สงครามส่งด่วน (Mad Unicorn) ในโอกาสที่มาเป็น Speaker ในงานสัมมนา STARTSPHERE ที่เป็นงานสัมมนาด้าน Startup ของไทเป โดยคุณณัฐพลฯ เล่าถึงเส้นทางการทำงานตั้งแต่ทำสารคดีจนได้มากำกับซีรีส์ใหญ่เรื่องแรก ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากชีวิตจริงของคมสัน แซ่ลี ผู้ก่อตั้ง Flash Express ซีรีส์ใช้เวลาพัฒนาบทกว่า 2 ปี และต้องเผชิญความกดดันสูงเพราะเป็นโปรเจกต์ใหญ่ ใช้ทุนสร้างมาก แต่ผลตอบรับเกินคาด ได้แรงบันดาลใจไปทั่วโลก ถึงขั้นมีคนลาออกจากงานเพื่อเริ่มต้นใหม่ และคุณณฐพลฯ ยกเครดิตความสำเร็จให้กับ (1) เรื่องราวของคุณคมสันที่เข้มข้นและจริงใจ (2) โปรดิวเซอร์ GDH ที่มองเห็นศักยภาพ และ (3) ทีมงานนักแสดงที่ทุ่มเทเต็มที่ ซีรีส์นี้ทำให้เขาและทีมมีความมั่นใจในตัวเองมากขึ้น พร้อมเชื่อว่าการทำหนังมีจุดร่วมกับ Startup คือการเสี่ยงเดิมพันกับความฝันและสร้างความเชื่อมั่น (trust) พร้อมฝากถึงคนรุ่นใหม่ว่า หากมีแพชชั่นควรเริ่มลงมือทำได้เลย ไม่จำเป็นต้องเริ่มจากงานใหญ่ ใช้แพลตฟอร์มสั้นๆ เช่น TikTok หรือ YouTube ก็ได้ แล้วค่อยสะสมประสบการณ์และความน่าเชื่อถือไปเรื่อยๆ สุดท้ายเขายืนยันว่าอยากทำภาพยนตร์เรื่องยาวต่อในอนาคต (ขอบคุณภาพจาก Iris Liu)
