เมื่อย่างเข้าสู่หน้าร้อน หลายคนมักนึกถึงเครื่องดื่มดับกระหายที่ช่วยคลายร้อนและมอบความสดชื่นอย่าง เฉาก๊วย แต่ในความเป็นจริงแล้ว เฉาก๊วย (仙草) ไม่ได้มีดีแค่เป็นพืชสมุนไพรสำหรับทำชาหรือขนมเท่านั้น หากเมื่อถึงฤดูออกดอก ทุ่งเฉาก๊วยยังเผยโฉมความงดงามตระการตา พร้อมทั้งมีคุณค่าต่อระบบนิเวศทางการเกษตรอีกด้วย

เฉาก๊วยมีสรรพคุณดับร้อน แก้กระหาย
สถานีวิจัยและส่งเสริมการเกษตรเขตฮัวเหลียน ภายใต้การดูแลของกระทรวงเกษตร ได้ผลักดันแนวคิดการเกษตรเชิงพักผ่อนและเกษตรนิเวศ โดยตั้งแต่ปี 2014 ได้เก็บรวบรวมพันธุ์ท้องถิ่นและพันธุ์ป่าของเฉาก๊วยจากทั่วไต้หวันมากกว่า 100 สายพันธุ์ และใช้เวลากว่า 12 ปี พัฒนาจนได้ 4 สายพันธุ์ใหม่ ได้แก่ “ฮัวเหลียน หมายเลข 1–4” และได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันที่ 28 สิงหาคม 2025 ซึ่งโดยทั่วไปของดอกเฉาก๊วยมักเป็นสีชมพู แต่สายพันธุ์ใหม่ทั้ง 4 ของสถานีวิจัยเขตฮัวเหลียนมีตั้งแต่ชมพูอ่อนไปจนถึงม่วงเข้ม สวยสะดุดตา เหมาะสำหรับการสร้างทิวทัศน์และเสริมระบบนิเวศ นอกจากนี้ยังมีคุณสมบัติโดดเด่น เช่น ทนต่อสภาพอากาศ ผลผลิตสูงขึ้นกว่าเดิมราว 40% และมีสารออกฤทธิ์ทางชีวภาพมากกว่าเดิม

ต้นเฉาก๊วย อดีตเรียกว่าหญ้านา
เฉาก๊วยเป็นพืชพื้นถิ่นของไต้หวัน พบทั่วไปในพื้นที่ระดับต่ำถึงกลางของเกาะ ในอดีตชาวบ้านมักพบเห็นเฉาก๊วยเป็นวัชพืชที่พบได้ทั่วไปตามคันนาในสังคมเกษตรสมัยก่อน จึงถูกเรียกว่า “หญ้านา”(田草) อีกทั้งเมื่อเฉาก๊วยบานในฤดูหนาว จะดึงดูดผึ้งและแมลงผสมเกสร รวมถึงแมลงศัตรูธรรมชาติหลากหลายชนิด ช่วยเพิ่มความหลากหลายทางชีวภาพในแปลงนา อีกทั้งทุ่งดอกที่บานสะพรั่งยังมีความงดงาม สามารถสร้างบรรยากาศเชิงภูมิทัศน์ได้ด้วย และเพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาเกษตรอินทรีย์และเกษตรนิเวศ สถานีวิจัยและส่งเสริมการเกษตรเขตฮัวเหลียนจึงเดินหน้าปรับปรุงสายพันธุ์เฉาก๊วย และจัดงานเปิดตัวพันธุ์ใหม่ พร้อมทั้งลงนามทำโครงการร่วมกับ สหกรณ์การเกษตรตำบลฟู่หลี่ บริษัทมู่มู่การ์เด้น และเกษตรกรรุ่นใหม่หลิวจิ้งหยวนจากไร่ชาซิงหยวน

ต้นเฉาก๊วยหลากสี สร้างทัศนียภาพที่สวยงาม
หยางต้าจี๋(楊大吉)ผู้อำนวยการสถานีวิจัยฯการเกษตรฮัวเหลียน กล่าวว่า เมืองฮัวเหลียนขึ้นชื่อเรื่อง ทะเลดอกเดย์ลิลลี่ ที่ภูเขาชื่อเคอซานและลิ่วสือสือซาน โดยที่ผ่านมาสถานีฯ เคยพัฒนาสายพันธุ์เดย์ลิลลี่ได้ถึง 7 สายพันธุ์ แต่เดย์ลิลลี่มีช่วงออกดอกตั้งแต่เดือนเมษายนถึงกลางตุลาคมเท่านั้น หลังจากนั้นก็เกิด “ช่องว่างด้านทิวทัศน์” ในการท่องเที่ยว ดังนั้น การพัฒนา เฉาก๊วยสายพันธุ์ใหม่ ที่ออกดอกตั้งแต่ปลายตุลาคมถึงมกราคม จึงช่วยเติมเต็มช่องว่างดังกล่าวได้อย่างลงตัว แถมบางพันธุ์ยังมีดอกสีม่วงเข้มคล้ายทุ่งลาเวนเดอร์ เหมาะกับการสร้างแหล่งท่องเที่ยวเชิงทิวทัศน์ และสามารถปลูกได้ในดินที่มีความเป็นกรดหรือดินที่มีความเป็นกลางได้