บันทึกชีวิตในไต้หวันสัปดาห์นี้ มาฟังเรื่องราวการผลักดันหลักสูตรภาษาของผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่ในไต้หวัน นครเถาหยวน ที่เปรียบเสมือนประตูเมืองของไต้หวันเพราะเป็นที่ตั้งของสนามบินนานาชาติเถาหยวน เป็นเมืองที่มีผู้คนหลากหลายชาติพันธุ์อยู่ร่วมกัน ทางเทศบาลนครเถาหยวน นอกจากจะผลักดันนโยบายที่เป็นมิตรเพื่อให้ผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่อยู่อาศัยได้อย่างมั่นใจแล้ว ยังส่งเสริมทรัพยากรการเรียนที่หลากหลายอย่างต่อเนื่องเช่นกัน โดยในแต่ละปีการศึกษา โรงเรียนระดับประถมและมัธยมทั่วทั้งนครเถาหยวน จะเปิดสอนภาษาผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่ เพื่อให้นักเรียนมีโอกาสเรียนรู้ภาษาและวัฒนธรรมที่หลากหลาย อีกทั้งยังมักจะจัดกิจกรรมอบรมครูในหลายมิติ อาทิ การประยุกต์ใช้ AI ในการจัดการเรียนการสอน การออกแบบหลักสูตรสร้างสรรค์ เป็นต้นเพื่อช่วยพัฒนาทักษะความรู้และครูผู้สอนให้เป็นมืออาชีพ ส่งผลให้ในปีการศึกษา 2568 จำนวนชั้นเรียนและอัตราการเปิดสอนของภาษาผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่ของนครเถาหยวนติดอันดับหนึ่งในประเทศ แสดงให้เห็นถึงความร่วมมือและความมุ่งมั่นของทั้งครูและนักเรียน

นครเถาหยวนติดอันดับหนึ่ง เปิดสอนของภาษาผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่มากที่สุดในไต้หวัน (ภาพ กระทรวงศึกษาธิการไต้หวัน)
กองการศึกษา นครเถาหยวน เปิดเผยว่า นับตั้งแต่ภาษาผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่ถูกบรรจุเข้าสู่หลักสูตรการศึกษาภาคบังคับปี พ.ศ. 2562 เป็นต้นมา เพื่อช่วยให้โรงเรียนต่าง ๆ สามารถเปิดสอนภาษาผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่และสรรหาครูผู้สอนที่เหมาะสมได้อย่างราบรื่น กองการศึกษา นครเถาหยวน จึงได้ริเริ่มระบบจัดตารางเรียนแบบรวมชั้นเรียนเป็นแห่งแรก เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของโรงเรียนและนักเรียน ลดเวลาการเดินทางระหว่างโรงเรียน ซึ่งจะช่วยให้ครูสามารถสอนนักเรียนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ทั้งนี้ ชั้นเรียนภาษาผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่ในนครเถาหยวนมีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจาก 253 ห้องในปีการศึกษา 2562 เพิ่มเป็น 2,188 ห้องในปีการศึกษา 2568 ถือเป็นตัวเลขสูงสุดในไต้หวัน มีนักเรียนที่เลือกเรียนภาษาผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่มากกว่า 4,600 คน อัตราการเปิดสอนเพิ่มขึ้นจาก 0.98% เป็น 8.65% เติบโตขึ้นเกือบเก้าเท่าในเวลาเพียง 7 ปี ปัจจุบัน นักเรียนที่เลือกเรียนภาษาผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่ในนครเถาหยวน มากกว่า 20% มาจากครอบครัวท้องถิ่น ไม่ใช่บุตรหลานผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่ แสดงให้เห็นว่าหลักสูตรนี้กำลังได้รับความนิยมในฐานะภาษาต่างประเทศอันดับสอง ช่วยให้เด็กๆ ได้เปิดโลกทัศน์ใหม่ในระดับนานาชาติ
กองการศึกษา นครเถาหยวน ได้ให้ความช่วยเหลือครูผู้สอนภาษาของผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่ในการพัฒนาทักษะวิชาชีพอย่างเต็มที่ โดยริเริ่มโครงการฝึกอบรมครูสอนภาษาของผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่ จนถึงปัจจุบันได้ฝึกอบรมครูไปแล้ว 724 คน ส่วนใหญ่เป็นครูสอนภาษาเวียดนาม 339 คน และเพื่อให้ครูสามารถสอนอย่างมีคุณภาพและพัฒนาวิชาชีพของตนเองอย่างต่อเนื่อง กองการศึกษา นครเถาหยวนยังริเริ่มโครงการสังเกตการเรียนการสอนและแลกเปลี่ยนความรู้ในสถานศึกษา 60 ครั้งต่อปี เป็นกิจกรรมที่พาครูฝึกไปสังเกตการณ์การเรียนการสอนในสถานศึกษา เพื่อยกระดับความสามารถของครูทั้งด้านการออกแบบหลักสูตร การใช้เทคโนโลยีดิจิทัล และการพัฒนาสื่อการสอน โดยอาศัยการสังเกต เรียนรู้ และแลกเปลี่ยนข้อเสนอแนะระหว่างกัน เพื่อยกระดับคุณภาพการสอนโดยรวม

เด็กไต้หวันเลือกเรียนภาษาอาเซียนเพิ่มขึ้น (ภาพ CNA)
นอกจากนี้ นครเถาหยวนยังได้ใช้เนื้อหาในตำราเรียนภาษาผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่ที่กระทรวงศึกษาธิการจัดทำขึ้น สร้างช่องยูทูป “ 7 ภาษาผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่แห่งนครเถาหยวน” ชื่อภาษาจีนคือ “桃園七國新聲道” ได้แก่ ภาษาไทย เมียนมา กัมพูชา เวียดนาม ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย และภาษามาเลย์ พร้อมคำอธิบายภาษาจีน มีตัวสะกดจู้อิน และตัวอักษรของประเทศนั้นๆ ช่วยเพิ่มความสะดวกให้แก่ลูกหลานผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่ หรือนักเรียนที่ต้องการเรียนภาษาผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่ได้เป็นอย่างมาก และยังช่วยให้ครูสอนภาษาผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่สามารถใช้สื่อการสอนนี้ไปต่อยอดเพิ่มเติม ตลอดจนผู้ที่มีความสนใจเรียนภาษาผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่ ก็สามารถเรียนรู้จากสื่อออนไลน์นี้ได้ฟรี วิดีโอนี้ยังถูกออกแบบระบบเรียนรู้ด้วยตนเองแบบโต้ตอบ ผู้เรียนสามารถเรียนด้วยมือถือหรือแท็บเล็ตได้ทุกเวลา และตรวจสอบความก้าวหน้าในการเรียน ผ่านการประเมินผลซึ่งอยู่ช่วงท้ายของวิดีโอ เป็นการช่วยให้ผู้เรียนได้ทบทวนความรู้ไปในตัว
นอกจากนี้ เพื่อเปิดโอกาสให้นักเรียนได้แสดงผลลัพธ์จากการเรียนรู้ ตั้งแต่ปีการศึกษา พ.ศ. 2566 เป็นต้นมา กองการศึกษา นครเถาหยวน ได้จัดการประกวดแข่งขันร้องเพลงและเล่านิทานเป็นภาษาผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่ ซึ่งถือเป็นการแข่งขันที่ใหญ่ที่สุดในระดับประเทศ ต่อเนื่องมาเป็นเวลา 3 ปี โดยในปีการศึกษา 2568 มีทีมเข้าร่วมการแข่งขันทั้งหมด 312 ทีม นักเรียน 557 คนเข้าร่วมอย่างคึกคัก ถือเป็นปรากฏการณ์ที่ไม่เคยมีมาก่อน นักเรียนสามารถแสดงผลการเรียนรู้ผ่านการร้องเพลงและเล่านิทาน ซึ่งได้รับเสียงตอบรับที่ดีอย่างกว้างขวาง โดยบนเวทีการแข่งขันเล่านิทานภาษาผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่ระดับประเทศ นักเรียนจากนครเถาหยวนคว้ารางวัลชนะเลิศอันดับหนึ่งของประเทศต่อเนื่องทุกปี

นครเถาหยวนจัดการประกวดแข่งขันร้องเพลงและเล่านิทานเป็นภาษาผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่ (ภาพ taiwanhot.net/news)
ขณะเดียวกัน ในการประกวดแผนการจัดการเรียนการสอนด้านการศึกษาพหุวัฒนธรรมที่กระทรวงศึกษาธิการจัดขึ้น คณะครูจากเถาหยวนยังสามารถคว้ารางวัลชนะเลิศในระดับประถมศึกษา มัธยมต้น และมัธยมปลายได้ครบทุกระดับ แสดงให้เห็นถึงความเชี่ยวชาญด้านการศึกษาพหุวัฒนธรรมที่แข็งแกร่งของนครเถาหยวน
นอกจากนี้ กองการศึกษา นครเถาหยวนยังได้จัดตั้งรางวัล “New Taoyuan Star Award” ขึ้นเป็นพิเศษ หรือภาษาจีนชื่อรางวัล “新桃星獎” เพื่อเชิดชูเกียรติครูผู้มีผลงานโดดเด่น โดยคำว่า “新” ในที่นี้ หมายถึง “ผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่” และ “มุมมองใหม่” อีกทั้งยังสื่อถึงภาพลักษณ์ของครูผู้เปล่งประกายดั่งดวงดาวบนเวทีการศึกษา นครเถาหยวนยังเป็นเมืองแรกที่มอบเงินอุดหนุนค่าเดินทางและค่าสื่อการสอนเพิ่มเติมให้แก่ครูผู้สอนภาษาผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่ เพื่อลดภาระการเดินทางระหว่างโรงเรียนของครูผู้สอน อีกทั้งยังส่งเสริมให้ครูออกแบบเนื้อหาการสอนที่หลากหลายมากขึ้น เพื่อผลักดันการเรียนรู้ที่หลากหลายและการเติบโตของนักเรียน
นายหลิวโจ้งเฉิง (劉仲成) ผู้อำนวยการกองการศึกษา นครเถาหยวน กล่าวว่า “พหุวัฒนธรรมคือทรัพยากรทางการศึกษาที่มีค่าที่สุดของนครเถาหยวน” นครเถาหยวนได้สร้างรูปแบบการศึกษาภาษาผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่ที่ครบถ้วนสมบูรณ์ ผ่านการพัฒนาครูผู้สอน นวัตกรรมหลักสูตร และแรงจูงใจอันทรงเกียรติ อีกทั้งยังใช้เทคโนโลยีดิจิทัลและสื่อการสอนที่ทันสมัย เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมการเรียนที่หลากหลายและครอบคลุม โดยหวังว่านักเรียนทุกคนจะสามารถเติบโตอย่างมั่นใจและเชื่อมโยงกับโลกภายนอก ในอนาคต กองการศึกษาจะยังคงผลักดันให้นครเถาหยวนเป็นพื้นที่ความหลากหลายทางชาติพันธุ์ ที่อยู่ร่วมกันอย่างกลมเกลียว และเป็นมิตร มีมุมมองที่เปิดกว้าง ยิ่งไปกว่านั้น ยังตั้งเป้าส่งเสริมให้นครเถาหยวน สร้างมาตรฐานด้านการศึกษาภาษาและวัฒนธรรมผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่ให้เป็นที่ยอมรับในระดับประเทศ
หากเป็นเช่นนั้นได้ คงจะเป็นเรื่องดีไม่น้อย ยิ่งคนในสังคมเรียนรู้ภาษาและวัฒนธรรมของผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่มากขึ้นเท่าไหร่ ก็จะยิ่งมีส่วนช่วยให้สังคมลดอคติที่มีต่อผู้คนที่ต่างจากตนได้มากขึ้น เพราะในหลายๆครั้ง อคติ การเลือกปฏิบัติที่เกิดขึ้นระหว่างคนสองกลุ่ม มักเกิดจากความเข้าใจผิด ความไม่เข้าใจกัน นอกจากผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่และแรงงานต่างชาติ ที่ต้องปรับตัวให้เข้ากับวิถีชีวิต ความเป็นอยู่ของไต้หวันแล้ว สังคมไต้หวันเอง ก็ต้องปรับตัว เรียนรู้วัฒนธรรมอื่นๆ และเปิดรับความหลากหลายที่กำลังวิวัฒนาการในสังคม ซึ่งผลสัมฤทธิ์ของการผลักดันภาษาผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่ในนครเถาหยวนที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องนี้ ถือเป็นสิ่งหนึ่งที่บ่งชี้ให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงของผู้คนในสังคม โดยเฉพาะคนท้องถิ่นที่ลงเรียนภาษาผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่เพิ่มขึ้น และเราเชื่อเป็นอย่างยิ่งว่า มันจะเติบโตไปในทิศทางที่ดีขึ้นเรื่อยๆ มาร่วมแชร์ความประทับใจเกี่ยวกับชีวิตในไต้หวัน ผลักดันให้ที่นี่กลายเป็นพื้นที่แห่งความเป็นมิตรมากขึ้นเรื่อยๆไปด้วยกันค่ะ