Skip to the main content block
::: หน้าแรก| แผนผังเว็บไซต์| Podcasts|
|
Language

Formosa Dream Chasers - Programs - RTI Radio Taiwan International-logo

รายการ
| รายการล่าสุด
เลือกรายการ
ผู้จัดรายการ ตารางรายการ
ประเด็น (ข่าว) ยอดนิยม
繁體中文 简体中文 English Français Deutsch Indonesian 日本語 한국어 Русский Español ภาษาไทย Tiếng Việt Tagalog Bahasa Melayu Українська แผนผังเว็บไซต์

ชีพจรเศรษฐกิจ ประจำวันที่ 22 กันยายน 2568

ชีพจรเศรษฐกิจ 22 กันยายน 2568
ชีพจรเศรษฐกิจ 22 กันยายน 2568

ผลประกอบการสายการบินยักษ์ใหญ่ในไต้หวัน StarLux โดดเด่น แต่ที่เหลือยังน่าห่วง สายการบินญี่ปุ่นมีอัตราผู้โดยสารลดลง ธุรกิจอีคอมเมิร์ซยังไม่ฟื้นตัว

    เมื่อวันที่ 11 สิงหาคมที่ผ่านมา สายการบินยักษ์ใหญ่ในไต้หวัน 4 ราย ได้เปิดเผยผลประกอบการเดือนกรกฎาคม ซึ่งสะท้อนถึงแนวโน้มที่ผันผวนในอุตสาหกรรมการบิน โดยมีเพียง StarLux Airlines ที่แสดงผลการดำเนินงานที่น่าพอใจ ส่วนสายการบินอื่น ๆ แม้ยังทำรายได้สูง แต่ก็มีการเติบโตที่ลดลงเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา

    China Airlines ซึ่งเป็นสายการบินที่ใหญ่ที่สุดในไต้หวัน รายงานผลประกอบการรวมเดือนกรกฎาคมอยู่ที่ 17,740 ล้านเหรียญดอลลาร์ไต้หวัน แม้ว่าจะลดลง 3.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ยังเพิ่มขึ้น 5.02% เมื่อเทียบกับเดือนมิถุนายน ถือเป็นผลประกอบการเดือนกรกฎาคมที่สูงเป็นอันดับสองในประวัติศาสตร์ของบริษัท

    ในขณะที่ StarLux Airlines ทำผลงานได้โดดเด่น ด้วยการทำรายได้ 4,010 ล้านเหรียญ เพิ่มขึ้น 7% เมื่อเทียบกับเดือนมิถุนายน และเติบโต 15.7% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ถือเป็นผลประกอบการที่น่าพอใจในเดือนนี้

    สำหรับ Tigerair Taiwan แม้จะมีรายได้ 1,390 ล้านเหรียญ ซึ่งลดลง 14.5% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว แต่ยังเพิ่มขึ้น 9.4% เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า แม้ว่าจะยังคงมีผลประกอบการที่ลดลง แต่ก็ยังคงมีแนวโน้มที่ดีเมื่อเทียบกับเดือนมิถุนายน

    อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญคาดว่า ฤดูท่องเที่ยวช่วงซัมเมอร์ในเดือนสิงหาคม จะช่วยดันจำนวนผู้โดยสารเพิ่มขึ้น และอาจทำให้สายการบินทั้ง 4 รายกลับมามีกำไรเติบโตได้อีกครั้ง

ผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมการบินกล่าวว่า ผลประกอบการที่ลดลงในเดือนกรกฎาคมนี้ได้รับผลกระทบจาก สองปัจจัยหลัก คือ

    ปัจจัยแรกที่ส่งผลกระทบคือ เส้นทางบินที่มีกำไรสูงสุด อย่าง เส้นทางญี่ปุ่น ซึ่งได้รับผลกระทบจากการทำนายเกี่ยวกับการเกิดสึนามิในภูมิภาค ทำให้เกิดความวิตกกังวลในหมู่ผู้โดยสาร ส่งผลให้อัตราผู้โดยสารในเส้นทางนี้ลดลง แม้ว่าการเดินทางในเส้นทางอื่นๆ จะเพิ่มขึ้น แต่การลดลงของผู้โดยสารในเส้นทางญี่ปุ่นก็ส่งผลให้ผลประกอบการโดยรวมของสายการบินได้รับผลกระทบ

    ปัจจัยที่สองคือ ธุรกิจการขนส่งสินค้าอีคอมเมิร์ซทางอากาศที่ยังคงไม่ฟื้นตัวอย่างที่คาดหวัง แม้ว่าความต้องการในสินค้าประเภทเซมิคอนดักเตอร์ จะช่วยผลักดันราคาค่าขนส่งให้สูงขึ้น แต่การขาดการขนส่งสินค้าอีคอมเมิร์ซทำให้การเติบโตของการขนส่งสินค้าอากาศ ชะลอตัวลง ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยเพิ่มรายได้ให้กับสายการบินในช่วงที่ผ่านมานี้

    อย่างไรก็ตาม ในเดือนกรกฎาคม China Airlines รายงานรายได้จากการขนส่งผู้โดยสาร ที่ 10,650 ล้านเหรียญ เพิ่มขึ้น 3.4% เมื่อเทียบกับเดือนก่อน และรายได้จากการขนส่งสินค้าที่ 5,630 ล้านเหรียญ เพิ่มขึ้น 5.6% เมื่อเทียบกับเดือนก่อน

    แม้ว่าจะมีปัจจัยที่ส่งผลกระทบในเดือนกรกฎาคม แต่ China Airlines คาดว่าในเดือน สิงหาคม การเพิ่มขึ้นของอัตราผู้โดยสารใน เส้นทางญี่ปุ่น จะช่วยเสริมผลการดำเนินงานให้ดีขึ้น แม้ว่าเทศกาลฤดูร้อนใกล้จะสิ้นสุดลงแล้ว แต่บริษัทมองว่าใน เดือนกันยายน ตลาด ยุโรป จะยังคงเติบโตต่อเนื่อง โดยเฉพาะใน เส้นทางไปแฟรงก์เฟิร์ต, เวียนนา, สาธารณรัฐเช็ก, และอัมสเตอร์ดัม ซึ่งคาดว่าอัตราการจองจะสูงกว่า 80%

    สายการบิน StarLux Airlines เปิดเผยผลประกอบการในเดือนกรกฎาคมและผลการดำเนินงานในครึ่งปีแรก 2025 โดยรายงานว่าในเดือนกรกฎาคม สายการบิน StarLux มียอดรายได้รวม 40,100 ล้านเหรียญ เพิ่มขึ้น 7% เมื่อเทียบกับเดือนก่อน และเพิ่มขึ้น เกือบ 16% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา โดยรายได้จากการขนส่งผู้โดยสารในเดือนกรกฎาคมอยู่ที่ 31,800 ล้านเหรียญ เพิ่มขึ้น 5% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ส่วนรายได้จากการขนส่งสินค้าในเดือนกรกฎาคมอยู่ที่ 4,780 ล้านเหรียญ เพิ่มขึ้น 59% ซึ่งเป็นการเติบโตสูงสุดทั้งในรายเดือนและสะสม

    สำหรับผลประกอบการสะสมในช่วงเจ็ดเดือนแรกของปี 2025 สายการบิน StarLux มียอดรวม 259,700 ล้านเหรียญ เพิ่มขึ้น 31% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว และทำสถิติสูงสุดในประวัติศาสตร์ของการดำเนินงาน ในส่วนของการประกาศผลการเงินครึ่งปีแรก StarLux ได้เผยผลกำไรสุทธิหลังหักภาษีอยู่ที่ 9,230 ล้านเหรียญ เพิ่มขึ้น 2.5% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว โดยมีอัตรากำไรจากการดำเนินงานอยู่ที่ 18.25% และกำไรต่อหุ้นที่ 0.31 เหรียญ

    Taiwan Tiger Airways รายงานว่าในเดือนกรกฎาคม 2025 มีรายได้รวม 13,900 ล้านเหรียญ ลดลง 14.5% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว แต่เพิ่มขึ้น 9.4% เมื่อเทียบกับเดือนก่อน โดยปัจจัยหลักที่ทำให้มีการลดลงคือผลกระทบจากปัจจัยภายนอก เช่น แผ่นดินไหว ภาษี และความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ ซึ่งส่งผลให้ผู้บริโภคมีความลังเลในการใช้จ่ายหรือการตัดสินใจซื้อสินค้าที่ไม่จำเป็น

    Eva Airlines รายงานว่ารายได้จากการขนส่งผู้โดยสารในเดือนกรกฎาคมอยู่ที่ 119,600 ล้านเหรียญ และรายได้จากการขนส่งสินค้าคือ 45,400 ล้านเหรียญ โดยมีรายได้รวม 184,900 ล้านเหรียญ และผลประกอบการสะสมจากเดือนมกราคมถึงกรกฎาคมของปีนี้ทำสถิติสูงสุดที่ 1,287,400 ล้านเหรียญ

ผลกำไรต่อหุ้น (EPS) ของเอเวอร์กรีน (Evergreen) ในครึ่งปีแรกของปี 2025 อยู่ที่ 17.7 เหรียญดอลลาร์ไต้หวัน ส่วนในไตรมาสที่ 2 ทำกำไรต่อหุ้นได้ 5.06 เหรียญ

    เมื่อวันที่ 13 สิงหาคมที่ผ่านมา บริษัทเอเวอร์กรีน  (Evergreen Marine Corporation) เป็นบริษัทขนส่งทางเรือที่ใหญ่ที่สุดในไต้หวันและหนึ่งในบริษัทขนส่งสินค้าทางเรือที่ใหญ่ที่สุดในโลก เปิดเผยผลประกอบการครึ่งปีแรกเมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม โดยได้รับผลกระทบจากภาษีสหรัฐฯทำให้กำไรในไตรมาส 2 และครึ่งปีแรกลดลงเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว อย่างไรก็ตามในไตรมาสที่ 2 บริษัททำกำไรได้เทียบเท่ากับครึ่งหนึ่งของหุ้นทุน โดยมีกำไรต่อหุ้น (EPS) ที่ 5.06 เหรียญ และ EPS ครึ่งปีแรกอยู่ที่ 17.7 เหรียญ

   ในไตรมาส 2 เอเวอร์กรีน มียอดขายรวม 86,480 ล้านเหรียญ ลดลง 18.6% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว และมีกำไรสุทธิหลังหักภาษี 10,950 ล้านเหรียญ ลดลง 18,500 ล้านเหรียญ หรือ 62.8% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว โดยอัตรากำไรจากการดำเนินงานอยู่ที่ 21.6% และมีกำไรต่อหุ้นอยู่ที่ 5.06 เหรียญ

    สำหรับผลประกอบการสะสมในครึ่งปีแรก เอเวอร์กรีนมียอดขายรวม 196,450 ล้านเหรียญ  เพิ่มขึ้น 0.7% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว และกำไรสุทธิหลังหักภาษีอยู่ที่ 38,310 ล้านเหรียญ ลดลง 8,520 ล้านเหรียญ หรือ 18.2% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว อัตรากำไรจากการดำเนินงานอยู่ที่ 26.4% และกำไรต่อหุ้นที่ 17.7 เหรียญ

    ทั้งนี้บริษัทขนส่งสินค้าทางเรือที่ใหญ่ที่สุดของไต้หวัน ได้อธิบายว่าในครึ่งปีแรกของปี 2025 นั้น เกิดผลกระทบจากสถานการณ์ทางการเมืองระหว่างประเทศ (ภูมิรัฐศาสตร์) ทำให้บริษัทขนส่งสินค้าทางเรือรายใหญ่ ยังคงหลีกเลี่ยงเส้นทางผ่านคลองสุเอซ ซึ่งโดยปกติจะใช้ในการเดินเรือจากเอเชียไปยุโรป  และหันไปใช้เส้นทางอ้อมแหลมกู๊ดโฮปทางตอนใต้ของแอฟริกาแทน นอกจากนี้ยังมีปัญหาความแออัดในท่าเรือของยุโรป ทำให้การขนส่งสินค้าทางเรือใช้เวลานานขึ้นและมีต้นทุนเพิ่มขึ้น  ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ ช่วยผลักดันให้ราคาค่าขนส่งทางเรือยังคงอยู่ในระดับสูง

    เส้นทางการขนส่งระหว่างสหรัฐฯ และไต้หวันประสบปัญหาความผันผวนของราคาและปริมาณที่สูง เนื่องจากการขึ้นภาษีจากสหรัฐฯและรวมถึงการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ไต้หวัน แต่การตัดสินใจของสหรัฐฯ ในการคงภาษีและการยกเลิกภาษีระหว่างจีนและสหรัฐฯ ในช่วงเวลา 90 วัน อาจช่วยให้ความต้องการในการขนส่งทางเรือเพิ่มขึ้น

    เอเวอร์กรีนกล่าวว่าจะรับมือกับการเปลี่ยนแปลงในเศรษฐกิจโลกและห่วงโซ่อุปทานด้วยความระมัดระวัง และจะปรับปรุงเส้นทางการเดินเรือและการจัดสรรพื้นที่บรรทุกตามความต้องการของลูกค้า รวมถึงการเสริมสร้างการควบคุมความเสี่ยงในการดำเนินการระยะยาว

    陽明 หรือ (Yang Ming Marine Transport Corporation) เป็นบริษัทขนส่งสินค้าทางทะเลที่มีชื่อเสียงในระดับโลก ก่อตั้งขึ้นในปี 1972 โดยมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่กรุงไทเป ไต้หวัน Yang Ming ให้บริการขนส่งสินค้าทางทะเลด้วยเรือบรรทุกสินค้าขนาดใหญ่ (Container Ships) ในเส้นทางการค้าทั่วโลก รวมถึงการบริการ ขนส่งตู้คอนเทนเนอร์ และบริการโลจิสติกส์ทางทะเล บริษัทเป็นหนึ่งในบริษัทขนส่งสินค้าทางทะเลชั้นนำในไต้หวัน และเป็นสมาชิกของ Global Shipping Alliance อีกด้วย

    Yang Ming ได้ประกาศผลประกอบการสำหรับครึ่งปีแรก โดยมียอดขายรวม 84,170 ล้านเหรียญ และกำไรสุทธิหลังหักภาษี 8,760 ล้านเหรียญ ลดลง 62% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว โดยมีกำไรต่อหุ้น ที่ 2.51 เหรียญ ในส่วนของทิศทางตลาดในอนาคต Yang Ming กล่าวว่าการขนส่งผ่านทะเลแดงยังคงมีความเสี่ยงจากสถานการณ์ในภูมิภาค ขณะที่ในตลาดยุโรปยังคงมีการเติบโตที่ดี

    萬海 (Wan Hai Lines) เป็น บริษัทขนส่งสินค้าทางทะเลจากไต้หวันที่มีชื่อเสียงในด้านการให้บริการขนส่งตู้คอนเทนเนอร์ (Container Shipping) ซึ่งก่อตั้งขึ้นในปี 1965 และมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่กรุงไทเป ไต้หวัน

    Wan Hai Lines เป็นหนึ่งในบริษัทขนส่งสินค้าทางทะเลชั้นนำของโลก โดยให้บริการขนส่งสินค้าทางทะเลในเส้นทางต่าง ๆทั่วโลก โดยเฉพาะในเอเชีย ซึ่งเป็นหนึ่งในตลาดหลักของบริษัท บริษัทมีเรือบรรทุกสินค้าขนาดใหญ่ ที่ให้บริการในเส้นทางการค้าระหว่างประเทศในภูมิภาคเอเชียและทั่วโลก รวมถึงบริการขนส่งสินค้าไปยัง ทวีปอเมริกา, ยุโรป, และตะวันออกกลาง

    Wan Hai ได้รายงานยอดขายรวมครึ่งปีแรกที่ 71,940 ล้านเหรียญ เพิ่มขึ้น 9.37% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว แต่กำไรสุทธิหลังหักภาษีลดลง 39.4% อยู่ที่ 9,800 ล้านเหรียญ โดยมีกำไรต่อหุ้น ที่ 3.5 เหรียญ Wan Hai วางแผนขยายการดำเนินงานและคาดว่าจะรับเรือบรรทุกขนาด 1.3 หมื่น TEU ในเดือนสิงหาคมนี้ และจะรับเรือใหม่จำนวน 30 ลำในระหว่างปี 2026 ถึง 2030

    อุตสาหกรรมการขนส่งสินค้าทางทะเลถือเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมหลักที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจของไต้หวัน เนื่องจากการส่งออกสินค้าทางทะเลมีบทบาทสำคัญในเศรษฐกิจการค้าของประเทศ เมื่อผลประกอบการของบริษัทขนส่งสินค้าทางทะเล เช่น เอเวอร์กรีน, Yang Ming และ Wan Hai Lines ลดลงอย่างชัดเจน ก็ส่งผลให้การเติบโตของการส่งออกชะลอตัวลงเช่นกัน โดยเฉพาะในช่วงที่ตลาดโลกยังคงเผชิญกับความไม่แน่นอน

為提供您更好的網站服務,本網站使用cookies。

若您繼續瀏覽網頁即表示您同意我們的cookies政策,進一步了解隱私權政策。 

我了解