เทศกาลไหว้พระจันทร์ปีนี้ตรงกับวันที่ 6 ตุลาคม ตามปฏิทินสากล หรือวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 8 ตามปฏิทินจีนจันทรคติ ซึ่งเรียกว่า “จงชิวเจี๋ย” (中秋節) หมายถึงช่วงกลางฤดูใบไม้ร่วง คืนนี้พระจันทร์จะเต็มดวง งดงามและสุกสว่าง ชาวจีนเชื่อว่า “พระจันทร์” เป็นสัญลักษณ์แห่งความสมบูรณ์และความมั่งคั่ง การไหว้พระจันทร์จึงเป็นการอธิษฐานให้ชีวิตอุดมสมบูรณ์ แม้ปัจจุบันธรรมเนียมการไหว้จะค่อย ๆ เลือนหายไป แต่ “ขนมไหว้พระจันทร์” ซึ่งมีรูปทรงกลมดุจดวงจันทร์ ก็ยังคงเป็นของหวานที่ได้รับความนิยมจากอดีตจวบจนปัจจุบัน

       ในไต้หวัน ขนมไหว้พระจันทร์ถือเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ในช่วงเทศกาล ก่อนถึงวันจริง 1–2 เดือน ผู้คนก็เริ่มสั่งซื้อล่วงหน้า ทั้งเพื่อเซ่นไหว้บรรพบุรุษหรือมอบเป็นของขวัญให้ญาติมิตร บรรดาร้านเบเกอรี่ ภัตตาคาร และร้านขนมชื่อดัง ต่างแข่งขันกันทำขนมไหว้พระจันทร์รสเด็ดดึงดูดผู้ซื้อ แต่สิ่งที่พิเศษกว่า คือ ขนมไหว้พระจันทร์จาก เรือนจำหลายแห่งในไต้หวัน ที่นักโทษเป็นผู้ผลิต รสชาติดี ราคาย่อมเยา โดยเฉพาะ “ขนมไหว้พระจันทร์กรงเหล็ก” จากร้านเบเกอรี่ของเรือนจำจางฮั่ว ที่กลายเป็นกระแสฮือฮาไปทั่วประเทศ โดยเมื่อวันที่ 28 สิงหาคม เวลา 08.00 น. เปิดขายได้เพียง 4 ชั่วโมง ก็มีผู้สั่งจองกว่า 70,000 ชิ้น จนเว็บไซต์ล่ม สายโทรศัพท์แน่น บางคนโทรกว่า 600 ครั้งยังไม่ได้ของ ถึงขั้นร้องเรียนไปยังกระทรวงยุติธรรม ความนิยมถล่มทลายนี้จึงกลายเป็นประเด็นร้อนในสังคม

เรือนจำจางฮัวอธิบายว่า ภายในมี “ร้านเบเกอรี่หรูหลิน” (儒林烘焙坊) เดิมทำขนมปังสำหรับนักโทษและขายเค้กให้เจ้าหน้าที่กับญาติผู้ต้องขัง ช่วงเทศกาลไหว้พระจันทร์ก็ทำขนมเปี๊ยะไข่เค็ม แต่รสชาติยังธรรมดา จนกระทั่งนักโทษคนหนึ่งซึ่งเคยเป็นเชฟโรงแรมดังในไถจง ปรับสูตรใหม่ ทำให้ได้รสหวานน้อยกลมกล่อม และขนมเปี๊ยะถั่วเขียวแบบดั้งเดิมที่อร่อยขึ้น ได้รับคำชมจนญาติผู้ต้องขังสั่งซื้อเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ และตั้งแต่ปี 2018 จึงเปิดให้ประชาชนทั่วไปสั่งซื้อได้จนถึงปัจจุบัน

      เจิ้งเจ๋อเฉิง (鄭哲成) รองผู้บัญชาการเรือนจำจางฮั่ว เปิดเผยว่า การฝึกอบเบเกอรี่ในเรือนจำมีเป้าหมายเพื่อสอนผู้ต้องขังให้มีทักษะทำขนม โดย “ขนมไหว้พระจันทร์” ถือเป็นการทดสอบฝีมือประจำปี คัดเลือกผู้ต้องขังฝีมือดีราว 7–10 คนลงมือทำ ภายใต้หลัก “ไม่แสวงหากำไร ใช้วัตถุดิบจริง คุณภาพต้องมาก่อน” จึงได้ขนมรสชาติเข้มข้น หอมอร่อย ลูกค้าประจำติดใจจนต้องสั่งซ้ำ ซึ่งในปีนี้เนื่องจากกำลังผลิตจำกัด จึงทำเพียง “ขนมเปี๊ยะไข่เค็ม” และ “ขนมเปี๊ยะถั่วเขียวดั้งเดิม” วันละ 550 กล่อง (กล่องละ 10 ชิ้น) ขายในราคา 410 เหรียญไต้หวัน เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 10 เหรียญไต้หวัน หรือราว 60% แต่เมื่อเทียบกับร้านดังทั่วไป ยังคงถือว่าคุ้มค่า

      กระทรวงยุติธรรมระบุว่า เรือนจำทั่วประเทศร่วมกับกระทรวงผลักดันการฟื้นฟูอ่อนโยนทางกฎหมาย และฝึกทักษะผู้ต้องขังเพื่อเตรียมกลับคืนสู่สังคมอย่างสร้างสรรค์ โดยเปิดตัวสินค้าหลากหลายให้ผู้ต้องขังได้เรียนรู้การทำงานจริง ทุกชิ้นขนมไม่เพียงใช้วัตถุดิบแท้ แต่ยังสะท้อนความตั้งใจและความพยายามของผู้ต้องขังในการเติบโตและกลับคืนสู่สังคม ซึ่งขนมบางชนิดจำหน่ายผ่านร้านค้าออนไลน์ของเรือนจำ หรือสามารถสอบถามฝ่ายปฏิบัติการแต่ละเรือนจำเพื่อสั่งซื้อได้ โดยแต่ละแห่งมีจำนวนจำกัด กระทรวงยุติธรรมย้ำว่า ขนมไหว้พระจันทร์ที่ทำด้วยมือโดยผู้ต้องขัง ไม่เพียงให้ประชาชนได้ลิ้มรส แต่ยังสะท้อนผลลัพธ์จากการฝึกทักษะและการเตรียมตัวเพื่อกลับคืนสู่สังคมของผู้ต้องขังอย่างแท้จริง