Skip to the main content block
::: หน้าแรก| แผนผังเว็บไซต์| Podcasts|
|
Language

Formosa Dream Chasers - Programs - RTI Radio Taiwan International-logo

รายการ
| รายการล่าสุด
เลือกรายการ
ผู้จัดรายการ ตารางรายการ
ประเด็น (ข่าว) ยอดนิยม
繁體中文 简体中文 English Français Deutsch Indonesian 日本語 한국어 Русский Español ภาษาไทย Tiếng Việt Tagalog Bahasa Melayu Українська แผนผังเว็บไซต์

ไขปัญหาแรงงาน วันพุธที่ 24 กันยายน 2568

ไขปัญหาแรงงาน เงินทดแทนกรณีเสียชีวิต
ไขปัญหาแรงงาน เงินทดแทนกรณีเสียชีวิต

1. ข้อควรรู้สำหรับแรงงานไทย : การคุ้มครองและสวัสดิการจากกองทุนประกันภัยแรงงานไต้หวัน – เงินทดแทนกรณีเสียชีวิต

           แรงงานต่างชาติที่เดินทางมาทำงานในไต้หวัน (ยกเว้นตำแหน่งผู้อนุบาลในครัวเรือนและผู้ช่วยงานบ้าน) นายจ้างต้องเอาประกันภัยแรงงานให้แก่ลูกจ้างของตนทุกคน อัตราเบี้ยประกันภัยแรงงานอยู่ที่ 12.5% ในจำนวนนี้ประกอบด้วยอัตราเบี้ยประกันการว่างงานสำหรับแรงงานท้องถิ่น 1% ดังนั้น อัตราเบี้ยประกันภัยแรงงานของแรงงานต่างชาติอยู่ที่ 11.5% เมื่อคิดจากวงเงินเอาประกันตามอัตราค่าจ้างขั้นต่ำในปัจจุบัน 28,590 เหรียญไต้หวัน เบี้ยประกันภัยสำหรับแรงงานต่างชาติ 3,288 เหรียญ ในจำนวนนี้ นายจ้างซึ่งรับผิดชอบ 70% ต้องจ่ายเบี้ยประกันภัยแรงงาน 2,301 เหรียญต่อการว่าจ้างแรงงานต่างชาติ 1 คน แรงงานรับผิดชอบ 20% หรือ 658 เหรียญต่อเดือน รัฐบาลจ่ายสมทบให้อีก 10% หรือ 329 เหรียญ/คน/เดือน

แรงงานไทยในไซต์งานก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีเขียว เถาหยวน (ภาพจากกองบริหารรถไฟฟ้า นครเถาหยวน)

สมาชิกกองทุนประกันภัยแรงงานได้รับการคุ้มครองและมีสิทธิประโยชน์อะไรบ้าง?

           ประกันภัยแรงงานไต้หวันให้การคุ้มครองผู้เอาประกันหลัก ๆ 5 รายการ ได้แก่ สิทธิประโยชน์กรณีตั้งครรภ์ เจ็บป่วยหรือประสบอุบัติเหตุนอกงาน กรณีสูญเสียสมรรถภาพในการทำงานหรือทุพพลภาพ สวัสดิการเงินบำเหน็จชราภาพและเงินทดแทนกรณีเสียชีวิต รายการวันนี้ จะนำเอาสิทธิประโยชน์ที่ทายาทจะได้รับกรณีผู้เอาประกันเสียชีวิตมาเล่าให้ฟังตามคำเรียกร้องของแรงงานไทยหลายคน สำหรับเงินทดแทนกรณีเสียชีวิต แบ่งเป็นเสียชีวิตจากอุบัติเหตุในการทำงานและเสียชีวิตนอกเวลาทำงาน ซึ่งยังแบ่งเป็นเงินทดแทนกรณีผู้เอาประกันหรือตัวแรงงานเองเสียชีวิตกับเงินสงเคราะห์กรณีญาติในสายเลือดตรงเสียชีวิต รายการวันนี้จะให้ฟังเกี่ยวกับเมื่อผู้เอาประกันหรือตัวแรงงานโชคร้ายเสียชีวิต ทายาทจะได้รับสิทธิประโยชน์อย่างไรบ้างและการยื่นขอรับเงินสงเคราะห์กรณีญาติในสายเลือดตรงเสียชีวิต สำหรับสิทธิประโยชน์ของทายาทกรณีผู้เอาประกันเสียชีวิตจากอุบัติเหตุในการทำงาน รวมถึงสิทธิประโยชน์และสวัสดิการที่เกี่ยวข้อง จะนำมาเล่าให้ฟังในรายการครั้งต่อไป

แรงงานไทยในไซต์งานก่อสร้างอาคารสนามบินเถาหยวนแห่งที่ 3

กรณีผู้เอาประกันเสียชีวิตนอกเวลาทำงาน

           1) ลูกจ้างที่เสียชีวิตนอกเวลาทำงาน ทายาทมีสิทธิ์ได้รับเงินค่าจัดการศพเท่าที่จ่ายจริง หรือไม่เกินจำนวน 5 เท่าของเงินเดือนที่เอาประกัน (ส่วนใหญ่เท่ากับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ) กรณีทายาทไม่มีคุณสมบัติที่จะรับเงินทดแทน กองทุนประกันภัยแรงงานจะจ่ายค่าทำศพเพิ่มให้เป็น 10 เท่าของเงินเดือนที่แจ้งเอาประกัน

           2) ลูกจ้างที่เข้าประกันก่อนวันที่ 1 มกราคม 2552 หากโชคร้ายเสียชีวิตไม่ว่าจะป่วยหรือเกิดอุบัติเหตุนอกงาน ทายาทจะได้รับเงินทดแทนเป็นก้อนครั้งเดียว โดยมีเงื่อนไขการจ่ายเงินดังนี้ :

           - อายุงานไม่ถึง 1 ปี ได้รับจำนวน 10 เท่าของเงินเดือนที่เอาประกันโดยเฉลี่ยใน 6 เดือน

           - อายุงานเกิน 1 ปี แต่ไม่ถึง 2 ปี จะได้รับ 20 เท่าของเงินเดือนที่เอาประกันโดยเฉลี่ยใน 6 เดือน

           - อายุงานเกิน 2 ปีขึ้นไป จะได้รับจำนวน 30 เท่าของเงินเดือนที่เอาประกันโดยเฉลี่ยใน 6 เดือน

           3) ลูกจ้างที่เข้าประกันหลังวันที่ 1 มกราคม 2552 เสียชีวิต กองทุนฯ จะจ่ายเงินทดแทนให้ทายาทเป็นรายเดือน ดังนี้ :

           - เงินทดแทนรายเดือนในอัตรา 1.55% ของเงินเดือนที่เอาประกันโดยเฉลี่ย 1 ปีตามอายุงานของลูกจ้าง หากจำนวนเงินไม่ถึง 3,000 เหรียญไต้หวัน กองทุนฯ จะจ่ายให้ 3,000 เหรียญไต้หวัน

           - หากทายาทที่มีสิทธิ์ได้รับเงินทดแทนรายเดือนในลำดับเดียวกันมีมากกว่า 1 คน กองทุนฯ จะจ่ายเงินทดแทนรายเดือนเพิ่มขึ้นคนละ 25% สูงสุดไม่เกิน 50%

           - ทายาทจะได้รับเงินทดแทนรายเดือนไปจนตลอดชีพ (ยกเว้นสูญเสียคุณสมบัติ เช่น เสียชีวิต หรือทายาทที่เป็นคู่สมรสไปสมรสใหม่) ทั้งนี้กองทุนฯ จะหักค่าโอนเงิน 300 เหรียญ จากเงินที่โอนในแต่ละครั้ง

           - ทายาทที่มีสิทธิ์ได้รับเงินทดแทนเรียงตามลำดับชั้นดังนี้ :

           - ลำดับที่ 1 ได้แก่ คู่สมรส บุตร

           - ลำดับที่ 2 บิดา มารดา

           - ลำดับที่ 3 ปู่ย่า

           - ลำดับที่ 4 หลาน ต้องมีหลักฐานได้รับการอุปการะเลี้ยงดูจากผู้เอาประกัน

           - ลำดับที่ 5 พี่น้อง ต้องมีหลักฐานได้รับการอุปการะเลี้ยงดูจากผู้เอาประกัน

           - เงื่อนไขการยื่นขอรับเงินทดแทน

แรงงานต่างชาติในโรงงานผลิตชิ้นส่วนรถจักรยานยนต์

           1. คู่สมรส ต้องสอดคล้องกับเงื่อนไขข้อใดข้อหนึ่งดังนี้ :

           - อายุครบ 55 ปี สมรสกับผู้เอาประกันครบ 1 ปีขึ้นไป เว้นแต่จะเป็นผู้ไร้ความสามารถหาเลี้ยงชีพ (ต้องมีบัตรประจำตัวคนพิการในระดับรุนแรง) หรือมีบุตรอายุต่ำกว่า 18 ปี

           - อายุครบ 45 ปี สมรสกับผู้เอาประกันครบ 1 ปีขึ้นไป มีหนังสือรับรองรายได้ต่อเดือนไม่ถึงวงเงินแจ้งเอาประกันระดับที่ 1 หรืออัตราค่าจ้างขั้นต่ำ 28,590 เหรียญไต้หวันต่อเดือน

           - กรณีที่คู่สมรสอายุไม่ถึง 45 ปี ยังไม่สามารถยื่นขอรับเงินทดแทนรายเดือนได้จนกว่าจะมีอายุและเงื่อนไขตามกำหนด  

           2. บุตร (กรณีเป็นบุตรบุญธรรม ต้องมีเอกสารรับรองการรับเป็นบุตรบุญธรรมเกิน 6 เดือนขึ้นไป) และจะต้องสอดคล้องกับเงื่อนไขข้อใดข้อหนึ่ง ดังนี้

           - ยังไม่บรรลุนิติภาวะ (ไม่ครบ 18 ปีบริบูรณ์)

           - ไร้ความสามารถในการหาเลี้ยงชีพ

           - อายุไม่เกิน 25 ปี อยู่ระหว่างศึกษาและมีรายได้ต่อเดือนไม่ถึงวงเงินแจ้งเอาประกันระดับที่ 1 หรืออัตราค่าจ้างขั้นต่ำ 28,590 เหรียญไต้หวันต่อเดือน

           3. บิดามารดาและปู่ย่า

           - อายุครบ 55 ปี และมีรายได้ต่อเดือนไม่ถึงวงเงินแจ้งเอาประกันระดับที่ 1 หรืออัตราค่าจ้างขั้นต่ำ 28,590 เหรียญไต้หวันต่อเดือน

           4. หลาน ต้องมีหลักฐานได้รับการอุปการะเลี้ยงดูจากผู้เอาประกัน และต้องมีคุณสมบัติเสมือนบุตร (ข้อ 2)

           5. พี่น้องร่วมสายเลือดเดียวกัน ต้องมีหลักฐานได้รับการอุปการะเลี้ยงดูจากผู้เอาประกันและเงื่อนไขข้อใดข้อหนึ่งดังนี้ :

           - ยังไม่บรรลุนิติภาวะ (ไม่ครบ 18 ปีบริบูรณ์)

           - ไร้ความสามารถในการหาเลี้ยงชีพ

           - อายุครบ 55 ปี และมีรายได้ต่อเดือนไม่ถึงวงเงินแจ้งเอาประกันระดับที่ 1 หรืออัตราค่าจ้างขั้นต่ำ 28,590 เหรียญไต้หวัน

2. น้ำใจผู้อนุบาลอินโดฯ โอบกอดอาม่า ท่ามกลางแผ่นดินไหวขนาด 6 คลิปไวรัลยอดกดไลก์ทะลุ 1.5 แสนครั้ง ชาวเน็ตซึ้ง ยกให้เป็นนางฟ้าตัวจริง

           เมื่อเวลา 21.11 น. ของวันที่ 27 สิงหาคมที่ผ่านมา ได้เกิดเหตุแผ่นดินไหวขนาด 6 บริเวณนอกชายฝั่งเมืองอี๋หลาน โดยมีแรงสั่นสะเทือนสูงสุดระดับ 4 และสามารถรับรู้ได้เกือบทั่วเกาะไต้หวัน ชาวเน็ตในไทเปรายหนึ่ง โพสต์คลิปที่บันทึกโดยกล้องวงจรปิดภายในบ้าน เผยให้เห็นผู้อนุบาลชาวอินโดนีเซียชื่อ ซิดี้ วัย 25 ปี ผู้ดูแลอาม่าวัยสูง วิ่งออกจากห้องตะโกนเตือนอาม่า แผ่นดินไหวแล้ว ก่อนรีบเข้าไปโอบกอดคุณยายซึ่งกำลังแช่เท้าอยู่ เพื่อปกป้องอย่างห่วงใย ภาพทั้งหมดถูกบันทึกไว้อย่างชัดเจน หญิงเจ้าของบ้านรายนี้ได้นำคลิปเผยแพร่บนแพลตฟอร์ม Threads พร้อมเขียนข้อความว่า “เกิดแผ่นดินไหวขึ้น ผู้อนุบาลชาวอินโดนีเซียของบ้านเราวิ่งเข้าไปปกป้องอาม่าทันที ขอบคุณจริง ๆ” และบอกว่า “อาม่าก็รักเธอมาก ทั้งสองมักจะวิดีโอคอลกับครอบครัวของเธอด้วยภาษามือและท่าทางอยู่เสมอ”

ซิดี้ ผู้อนุบาลอินโดฯ โอบกอดอาม่า ขณะเกิดแผ่นดินไหวขนาด 6 คลิปไวรัลยอดกดไลก์ทะลุ 1.5 แสนครั้ง ชาวเน็ตซึ้ง ยกให้เป็นนางฟ้าตัวจริง (ภาพจาก  tw.nextapple.com)

           โพสต์ดังกล่าวเพียง 2 วันก็มียอดกดถูกใจกว่า 150,000 ครั้ง ชาวเน็ตต่างเข้ามาแสดงความคิดเห็นด้วยความประทับใจ เช่นน้องจากบ้านเกิดแดนไกล แต่กลับดูแลผู้สูงอายุเสมือนญาติพี่น้องจริง ๆ ซึ้งใจมาก” “ครอบครัวนี้มีบุญที่ได้เจอนางฟ้าตัวจริง”“การปฏิสัมพันธ์กับอาม่าดูเหมือนหลานแท้ ๆ เลย น่ารักมาก” “ดูเหมือนอาม่าเป็นฝ่ายปกป้องเธอเสียด้วยซ้ำ น่ารักสุด ๆ” “ประทับใจมาก ต้องดูแลเธอให้ดีนะ เธอเก่ง มีความรับผิดชอบและน่ารักจริง ๆ” ฯลฯ

ซิดี้ ผู้อนุบาลอินโดฯ โอบกอดอาม่า ขณะเกิดแผ่นดินไหวขนาด 6 คลิปไวรัลยอดกดไลก์ทะลุ 1.5 แสนครั้ง ชาวเน็ตซึ้ง ยกให้เป็นนางฟ้าตัวจริง (ภาพจาก  tw.nextapple.com)

           นอกจากนี้ยังมีผู้ใช้รายหนึ่งเล่าประสบการณ์ส่วนตัวว่า ขณะไปซื้อของที่ร้านสะดวกซื้อ เห็นผู้อนุบาลชาวอินโดนีเซียพาคุณตารายหนึ่งเดินไปซื้อของ คุณตาพยายามจะซื้อขนมและเครื่องดื่มให้เธอ โดยพูดว่า “อยากกินอะไรก็บอก เดี๋ยวซื้อให้” แต่เธอปฏิเสธอย่างสุภาพตลอดเวลา ผู้เล่าเผยว่าตนอดไม่ได้ที่จะบอกเธอว่า “ถ้าคุณตาอยากซื้อให้ ลองเลือกสิ่งที่อยากกินก็ได้นะ” พร้อมกล่าวขอบคุณแรงงานต่างชาติที่มาทำหน้าที่เป็นผู้อนุบาลคอยดูแลผู้สูงอายุในครอบครัว เพราะหากปราศจากพวกเขาแล้ว หลายครอบครัวในไต้หวันคงไม่สามารถดำเนินชีวิตได้อย่างปกติ เจ้าของโพสต์ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมว่า ซิดี้เข้ามาดูแลอาม่าในบ้านนี้เป็นปีที่ 3 แล้ว ทั้งสองต่างดูแลซึ่งกันและกันเหมือนคนในครอบครัว

ณ สิ้นเดือนกรกฎาคม 2568 ไต้หวันมีแรงงานดูแลผู้สูงอายุหรือผู้อนุบาลต่างชาติประมาณ 219,000 คน มาจากอินโดนีเซียมีจำนวนมากที่สุด 178,000 คน

           ข้อมูลจากสภาบริหารของไต้หวันระบุว่า ปี 2567 ที่ผ่านมา ยอดจำนวนประชากรอายุ 65 ปีขึ้นไปเพิ่มขึ้นเป็น 4,488,707 คน และคาดการณ์ว่าภายในปี 2568 นี้ ยอดจำนวนผู้สูงวัยอายุ 65 ปีขึ้นจะมีสัดส่วนเกิน 20% ของประชากรทั้งหมด ทำให้ไต้หวันก้าวเข้าสู่ “สังคมสูงวัยระดับสุดยอด”

           ด้านสถิติของกระทรวงแรงงาน ระบุว่า ณ สิ้นเดือนกรกฎาคม 2568 ไต้หวันมีแรงงานดูแลผู้สูงอายุหรือผู้อนุบาลต่างชาติประมาณ 219,000 คน ซึ่งถือเป็นสัดส่วนสูงที่สุดในบรรดาแรงงานภาคสวัสดิการสังคม โดยผู้อนุบาลจากอินโดนีเซียมีจำนวนมากที่สุด 178,000 คน ขณะที่จำนวนแรงงานต่างชาติทั้งหมดในไต้หวัน 849,000 คน สะท้อนให้เห็นว่าภายใต้สังคมผู้สูงวัย ความต้องการแรงงานดูแลผู้สูงอายุยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของหลายครอบครัวในไต้หวันไปแล้ว

為提供您更好的網站服務,本網站使用cookies。

若您繼續瀏覽網頁即表示您同意我們的cookies政策,進一步了解隱私權政策。 

我了解