1. ข้อควรรู้สำหรับแรงงานไทย : การคุ้มครองและสวัสดิการจากกองทุนประกันภัยแรงงานไต้หวัน – เงินทดแทนกรณีเสียชีวิต
แรงงานต่างชาติที่เดินทางมาทำงานในไต้หวัน (ยกเว้นตำแหน่งผู้อนุบาลในครัวเรือนและผู้ช่วยงานบ้าน) นายจ้างต้องเอาประกันภัยแรงงานให้แก่ลูกจ้างของตนทุกคน อัตราเบี้ยประกันภัยแรงงานอยู่ที่ 12.5% ในจำนวนนี้ประกอบด้วยอัตราเบี้ยประกันการว่างงานสำหรับแรงงานท้องถิ่น 1% ดังนั้น อัตราเบี้ยประกันภัยแรงงานของแรงงานต่างชาติอยู่ที่ 11.5% เมื่อคิดจากวงเงินเอาประกันตามอัตราค่าจ้างขั้นต่ำในปัจจุบัน 28,590 เหรียญไต้หวัน เบี้ยประกันภัยสำหรับแรงงานต่างชาติ 3,288 เหรียญ ในจำนวนนี้ นายจ้างซึ่งรับผิดชอบ 70% ต้องจ่ายเบี้ยประกันภัยแรงงาน 2,301 เหรียญต่อการว่าจ้างแรงงานต่างชาติ 1 คน แรงงานรับผิดชอบ 20% หรือ 658 เหรียญต่อเดือน รัฐบาลจ่ายสมทบให้อีก 10% หรือ 329 เหรียญ/คน/เดือน

แรงงานไทยในไซต์งานก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีเขียว เถาหยวน (ภาพจากกองบริหารรถไฟฟ้า นครเถาหยวน)
สมาชิกกองทุนประกันภัยแรงงานได้รับการคุ้มครองและมีสิทธิประโยชน์อะไรบ้าง?
ประกันภัยแรงงานไต้หวันให้การคุ้มครองผู้เอาประกันหลัก ๆ 5 รายการ ได้แก่ สิทธิประโยชน์กรณีตั้งครรภ์ เจ็บป่วยหรือประสบอุบัติเหตุนอกงาน กรณีสูญเสียสมรรถภาพในการทำงานหรือทุพพลภาพ สวัสดิการเงินบำเหน็จชราภาพและเงินทดแทนกรณีเสียชีวิต รายการวันนี้ จะนำเอาสิทธิประโยชน์ที่ทายาทจะได้รับกรณีผู้เอาประกันเสียชีวิตมาเล่าให้ฟังตามคำเรียกร้องของแรงงานไทยหลายคน สำหรับเงินทดแทนกรณีเสียชีวิต แบ่งเป็นเสียชีวิตจากอุบัติเหตุในการทำงานและเสียชีวิตนอกเวลาทำงาน ซึ่งยังแบ่งเป็นเงินทดแทนกรณีผู้เอาประกันหรือตัวแรงงานเองเสียชีวิตกับเงินสงเคราะห์กรณีญาติในสายเลือดตรงเสียชีวิต รายการวันนี้จะให้ฟังเกี่ยวกับเมื่อผู้เอาประกันหรือตัวแรงงานโชคร้ายเสียชีวิต ทายาทจะได้รับสิทธิประโยชน์อย่างไรบ้างและการยื่นขอรับเงินสงเคราะห์กรณีญาติในสายเลือดตรงเสียชีวิต สำหรับสิทธิประโยชน์ของทายาทกรณีผู้เอาประกันเสียชีวิตจากอุบัติเหตุในการทำงาน รวมถึงสิทธิประโยชน์และสวัสดิการที่เกี่ยวข้อง จะนำมาเล่าให้ฟังในรายการครั้งต่อไป

แรงงานไทยในไซต์งานก่อสร้างอาคารสนามบินเถาหยวนแห่งที่ 3
กรณีผู้เอาประกันเสียชีวิตนอกเวลาทำงาน
1) ลูกจ้างที่เสียชีวิตนอกเวลาทำงาน ทายาทมีสิทธิ์ได้รับเงินค่าจัดการศพเท่าที่จ่ายจริง หรือไม่เกินจำนวน 5 เท่าของเงินเดือนที่เอาประกัน (ส่วนใหญ่เท่ากับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ) กรณีทายาทไม่มีคุณสมบัติที่จะรับเงินทดแทน กองทุนประกันภัยแรงงานจะจ่ายค่าทำศพเพิ่มให้เป็น 10 เท่าของเงินเดือนที่แจ้งเอาประกัน
2) ลูกจ้างที่เข้าประกันก่อนวันที่ 1 มกราคม 2552 หากโชคร้ายเสียชีวิตไม่ว่าจะป่วยหรือเกิดอุบัติเหตุนอกงาน ทายาทจะได้รับเงินทดแทนเป็นก้อนครั้งเดียว โดยมีเงื่อนไขการจ่ายเงินดังนี้ :
- อายุงานไม่ถึง 1 ปี ได้รับจำนวน 10 เท่าของเงินเดือนที่เอาประกันโดยเฉลี่ยใน 6 เดือน
- อายุงานเกิน 1 ปี แต่ไม่ถึง 2 ปี จะได้รับ 20 เท่าของเงินเดือนที่เอาประกันโดยเฉลี่ยใน 6 เดือน
- อายุงานเกิน 2 ปีขึ้นไป จะได้รับจำนวน 30 เท่าของเงินเดือนที่เอาประกันโดยเฉลี่ยใน 6 เดือน
3) ลูกจ้างที่เข้าประกันหลังวันที่ 1 มกราคม 2552 เสียชีวิต กองทุนฯ จะจ่ายเงินทดแทนให้ทายาทเป็นรายเดือน ดังนี้ :
- เงินทดแทนรายเดือนในอัตรา 1.55% ของเงินเดือนที่เอาประกันโดยเฉลี่ย 1 ปีตามอายุงานของลูกจ้าง หากจำนวนเงินไม่ถึง 3,000 เหรียญไต้หวัน กองทุนฯ จะจ่ายให้ 3,000 เหรียญไต้หวัน
- หากทายาทที่มีสิทธิ์ได้รับเงินทดแทนรายเดือนในลำดับเดียวกันมีมากกว่า 1 คน กองทุนฯ จะจ่ายเงินทดแทนรายเดือนเพิ่มขึ้นคนละ 25% สูงสุดไม่เกิน 50%
- ทายาทจะได้รับเงินทดแทนรายเดือนไปจนตลอดชีพ (ยกเว้นสูญเสียคุณสมบัติ เช่น เสียชีวิต หรือทายาทที่เป็นคู่สมรสไปสมรสใหม่) ทั้งนี้กองทุนฯ จะหักค่าโอนเงิน 300 เหรียญ จากเงินที่โอนในแต่ละครั้ง
- ทายาทที่มีสิทธิ์ได้รับเงินทดแทนเรียงตามลำดับชั้นดังนี้ :
- ลำดับที่ 1 ได้แก่ คู่สมรส บุตร
- ลำดับที่ 2 บิดา มารดา
- ลำดับที่ 3 ปู่ย่า
- ลำดับที่ 4 หลาน ต้องมีหลักฐานได้รับการอุปการะเลี้ยงดูจากผู้เอาประกัน
- ลำดับที่ 5 พี่น้อง ต้องมีหลักฐานได้รับการอุปการะเลี้ยงดูจากผู้เอาประกัน
- เงื่อนไขการยื่นขอรับเงินทดแทน

แรงงานต่างชาติในโรงงานผลิตชิ้นส่วนรถจักรยานยนต์
1. คู่สมรส ต้องสอดคล้องกับเงื่อนไขข้อใดข้อหนึ่งดังนี้ :
- อายุครบ 55 ปี สมรสกับผู้เอาประกันครบ 1 ปีขึ้นไป เว้นแต่จะเป็นผู้ไร้ความสามารถหาเลี้ยงชีพ (ต้องมีบัตรประจำตัวคนพิการในระดับรุนแรง) หรือมีบุตรอายุต่ำกว่า 18 ปี
- อายุครบ 45 ปี สมรสกับผู้เอาประกันครบ 1 ปีขึ้นไป มีหนังสือรับรองรายได้ต่อเดือนไม่ถึงวงเงินแจ้งเอาประกันระดับที่ 1 หรืออัตราค่าจ้างขั้นต่ำ 28,590 เหรียญไต้หวันต่อเดือน
- กรณีที่คู่สมรสอายุไม่ถึง 45 ปี ยังไม่สามารถยื่นขอรับเงินทดแทนรายเดือนได้จนกว่าจะมีอายุและเงื่อนไขตามกำหนด
2. บุตร (กรณีเป็นบุตรบุญธรรม ต้องมีเอกสารรับรองการรับเป็นบุตรบุญธรรมเกิน 6 เดือนขึ้นไป) และจะต้องสอดคล้องกับเงื่อนไขข้อใดข้อหนึ่ง ดังนี้
- ยังไม่บรรลุนิติภาวะ (ไม่ครบ 18 ปีบริบูรณ์)
- ไร้ความสามารถในการหาเลี้ยงชีพ
- อายุไม่เกิน 25 ปี อยู่ระหว่างศึกษาและมีรายได้ต่อเดือนไม่ถึงวงเงินแจ้งเอาประกันระดับที่ 1 หรืออัตราค่าจ้างขั้นต่ำ 28,590 เหรียญไต้หวันต่อเดือน
3. บิดามารดาและปู่ย่า
- อายุครบ 55 ปี และมีรายได้ต่อเดือนไม่ถึงวงเงินแจ้งเอาประกันระดับที่ 1 หรืออัตราค่าจ้างขั้นต่ำ 28,590 เหรียญไต้หวันต่อเดือน
4. หลาน ต้องมีหลักฐานได้รับการอุปการะเลี้ยงดูจากผู้เอาประกัน และต้องมีคุณสมบัติเสมือนบุตร (ข้อ 2)
5. พี่น้องร่วมสายเลือดเดียวกัน ต้องมีหลักฐานได้รับการอุปการะเลี้ยงดูจากผู้เอาประกันและเงื่อนไขข้อใดข้อหนึ่งดังนี้ :
- ยังไม่บรรลุนิติภาวะ (ไม่ครบ 18 ปีบริบูรณ์)
- ไร้ความสามารถในการหาเลี้ยงชีพ
- อายุครบ 55 ปี และมีรายได้ต่อเดือนไม่ถึงวงเงินแจ้งเอาประกันระดับที่ 1 หรืออัตราค่าจ้างขั้นต่ำ 28,590 เหรียญไต้หวัน
2. น้ำใจผู้อนุบาลอินโดฯ โอบกอดอาม่า ท่ามกลางแผ่นดินไหวขนาด 6 คลิปไวรัลยอดกดไลก์ทะลุ 1.5 แสนครั้ง ชาวเน็ตซึ้ง ยกให้เป็นนางฟ้าตัวจริง
เมื่อเวลา 21.11 น. ของวันที่ 27 สิงหาคมที่ผ่านมา ได้เกิดเหตุแผ่นดินไหวขนาด 6 บริเวณนอกชายฝั่งเมืองอี๋หลาน โดยมีแรงสั่นสะเทือนสูงสุดระดับ 4 และสามารถรับรู้ได้เกือบทั่วเกาะไต้หวัน ชาวเน็ตในไทเปรายหนึ่ง โพสต์คลิปที่บันทึกโดยกล้องวงจรปิดภายในบ้าน เผยให้เห็นผู้อนุบาลชาวอินโดนีเซียชื่อ ซิดี้ วัย 25 ปี ผู้ดูแลอาม่าวัยสูง วิ่งออกจากห้องตะโกนเตือนอาม่า แผ่นดินไหวแล้ว ก่อนรีบเข้าไปโอบกอดคุณยายซึ่งกำลังแช่เท้าอยู่ เพื่อปกป้องอย่างห่วงใย ภาพทั้งหมดถูกบันทึกไว้อย่างชัดเจน หญิงเจ้าของบ้านรายนี้ได้นำคลิปเผยแพร่บนแพลตฟอร์ม Threads พร้อมเขียนข้อความว่า “เกิดแผ่นดินไหวขึ้น ผู้อนุบาลชาวอินโดนีเซียของบ้านเราวิ่งเข้าไปปกป้องอาม่าทันที ขอบคุณจริง ๆ” และบอกว่า “อาม่าก็รักเธอมาก ทั้งสองมักจะวิดีโอคอลกับครอบครัวของเธอด้วยภาษามือและท่าทางอยู่เสมอ”

ซิดี้ ผู้อนุบาลอินโดฯ โอบกอดอาม่า ขณะเกิดแผ่นดินไหวขนาด 6 คลิปไวรัลยอดกดไลก์ทะลุ 1.5 แสนครั้ง ชาวเน็ตซึ้ง ยกให้เป็นนางฟ้าตัวจริง (ภาพจาก tw.nextapple.com)
โพสต์ดังกล่าวเพียง 2 วันก็มียอดกดถูกใจกว่า 150,000 ครั้ง ชาวเน็ตต่างเข้ามาแสดงความคิดเห็นด้วยความประทับใจ เช่น

ซิดี้ ผู้อนุบาลอินโดฯ โอบกอดอาม่า ขณะเกิดแผ่นดินไหวขนาด 6 คลิปไวรัลยอดกดไลก์ทะลุ 1.5 แสนครั้ง ชาวเน็ตซึ้ง ยกให้เป็นนางฟ้าตัวจริง (ภาพจาก tw.nextapple.com)
นอกจากนี้ยังมีผู้ใช้รายหนึ่งเล่าประสบการณ์ส่วนตัวว่า ขณะไปซื้อของที่ร้านสะดวกซื้อ เห็นผู้อนุบาลชาวอินโดนีเซียพาคุณตารายหนึ่งเดินไปซื้อของ คุณตาพยายามจะซื้อขนมและเครื่องดื่มให้เธอ โดยพูดว่า “อยากกินอะไรก็บอก เดี๋ยวซื้อให้” แต่เธอปฏิเสธอย่างสุภาพตลอดเวลา ผู้เล่าเผยว่าตนอดไม่ได้ที่จะบอกเธอว่า “ถ้าคุณตาอยากซื้อให้ ลองเลือกสิ่งที่อยากกินก็ได้นะ” พร้อมกล่าวขอบคุณแรงงานต่างชาติที่มาทำหน้าที่เป็นผู้อนุบาลคอยดูแลผู้สูงอายุในครอบครัว เพราะหากปราศจากพวกเขาแล้ว หลายครอบครัวในไต้หวันคงไม่สามารถดำเนินชีวิตได้อย่างปกติ เจ้าของโพสต์ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมว่า ซิดี้เข้ามาดูแลอาม่าในบ้านนี้เป็นปีที่ 3 แล้ว ทั้งสองต่างดูแลซึ่งกันและกันเหมือนคนในครอบครัว

ณ สิ้นเดือนกรกฎาคม 2568 ไต้หวันมีแรงงานดูแลผู้สูงอายุหรือผู้อนุบาลต่างชาติประมาณ 219,000 คน มาจากอินโดนีเซียมีจำนวนมากที่สุด 178,000 คน
ข้อมูลจากสภาบริหารของไต้หวันระบุว่า ปี 2567 ที่ผ่านมา ยอดจำนวนประชากรอายุ 65 ปีขึ้นไปเพิ่มขึ้นเป็น 4,488,707 คน และคาดการณ์ว่าภายในปี 2568 นี้ ยอดจำนวนผู้สูงวัยอายุ 65 ปีขึ้นจะมีสัดส่วนเกิน 20% ของประชากรทั้งหมด ทำให้ไต้หวันก้าวเข้าสู่ “สังคมสูงวัยระดับสุดยอด”
ด้านสถิติของกระทรวงแรงงาน ระบุว่า ณ สิ้นเดือนกรกฎาคม 2568 ไต้หวันมีแรงงานดูแลผู้สูงอายุหรือผู้อนุบาลต่างชาติประมาณ 219,000 คน ซึ่งถือเป็นสัดส่วนสูงที่สุดในบรรดาแรงงานภาคสวัสดิการสังคม โดยผู้อนุบาลจากอินโดนีเซียมีจำนวนมากที่สุด 178,000 คน ขณะที่จำนวนแรงงานต่างชาติทั้งหมดในไต้หวัน 849,000 คน สะท้อนให้เห็นว่าภายใต้สังคมผู้สูงวัย ความต้องการแรงงานดูแลผู้สูงอายุยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของหลายครอบครัวในไต้หวันไปแล้ว