Skip to the main content block
::: หน้าแรก| แผนผังเว็บไซต์| Podcasts|
|
Language

Formosa Dream Chasers - Programs - RTI Radio Taiwan International-logo

รายการ
| รายการล่าสุด
เลือกรายการ
ผู้จัดรายการ ตารางรายการ
ประเด็น (ข่าว) ยอดนิยม
繁體中文 简体中文 English Français Deutsch Indonesian 日本語 한국어 Русский Español ภาษาไทย Tiếng Việt Tagalog Bahasa Melayu Українська แผนผังเว็บไซต์

ไขปัญหาแรงงาน วันพุธที่ 8 ตุลาคม 2568

สิทธิประโยชน์กรณีคลอดบุตรจากกองทุนประกันภัยแรงงานไต้หวัน
สิทธิประโยชน์กรณีคลอดบุตรจากกองทุนประกันภัยแรงงานไต้หวัน

1. ข้อควรรู้สำหรับแรงงานไทย การคุ้มครองและสวัสดิการจากกองทุนประกันภัยแรงงานไต้หวัน - สิทธิประโยชน์กรณีคลอดบุตร

แรงงานต่างชาติที่เดินทางมาทำงานในไต้หวัน ณ วันที่ 31 กรกฎาคม 2568 มีจำนวนทั้งสิ้น 849,777 คน ในจำนวนนี้เป็นเพศชาย 439,779 คน เพศหญิง 409,998 คน อัตราส่วนของแรงงานต่างชาติเพศชาย 51.75% ส่วนเพศหญิงอยู่ที่ 48.25% ในจำนวนนี้ ชาติที่มีแรงงานเพศหญิงทำงานในไต้หวันมากที่สุดได้แก่ อินโดนีเซีย มีจำนวนสูงถึง 211,003 คน ครองสัดส่วนแรงงานต่างชาติเพศหญิงในไต้หวันกว่าครึ่ง ทั้งนี้ แรงงานหญิงอินโดนีเซียส่วนใหญ่ทำงานในตำแหน่งผู้อนุบาลในครัวเรือน กล่าวคือในจำนวน 211,003 คน มีมากถึง 177,737 คน ตามมาด้วยแรงงานฟิลิปปินส์ มีแรงงานหญิง 97,218 คน ขณะที่เป็นแรงงานเพศชาย 73,635 คน แรงงานหญิงฟิลิปปินส์ส่วนใหญ่ทำงานในภาคการผลิต ได้แก่โรงงาน ส่วนที่ทำงานในตำแหน่งผู้อนุบาลมีจำนวน 22,008 คน อันดับ 3 ได้แก่แรงงานเวียดนาม มีแรงงานเพศหญิง 90,619 คน ขณะที่แรงงานเวียดนามเพศชายมีมากกว่าประมาณ 2 เท่าหรือ 200,549 คน แรงงานเวียดนามเพศหญิงส่วนใหญ่หรือ 73,970 คนทำงานในภาคการผลิต มี 17,943 คนทำงานในตำแหน่งผู้อนุบาล ส่วนแรงงานไทย ซึ่งมีทั้งหมด 72,821 คน เป็นแรงงานไทยเพศชาย 61,664 คน เพศหญิง 11,157 คน อัตราส่วนแรงงานไทยเพศชายและหญิง 84.7% ต่อ 15.3% โดยแรงงานหญิงไทยส่วนใหญ่ทำงานในโรงงานหรือภาคการผลิต คือ 10,901 คน ที่ทำงานในตำแหน่งผู้อนุบาลมีเพียง 224 คน

ในไต้หวันมีแรงงานต่างชาติประมาณ 850,000 คน อัตราส่วนของแรงงานต่างชาติเพศชายและเพศหญิงอยู่ที่ 52 : 48 (ภาพจาก gvm.com.tw)

      ที่นำเอาข้อมูลตัวเลขแรงงานเพศชายและหญิงของชาติต่าง ๆ มาเล่าให้ฟัง ต้องการเปรียบเทียบให้เห็นถึงปัญหาการตั้งครรภ์ของแรงงานเพศหญิง ซึ่งไต้หวันอนุญาตให้ตั้งครรภ์ได้ และหากทำงานในภาคการผลิตหรือเป็นสมาชิกกองทุนประกันภัยแรงงาน ยังได้รับสิทธิ์และสวัสดิการเช่นเดียวแรงงานท้องถิ่น

      ไต้หวันได้ยกเลิกตรวจการตั้งครรภ์ในแรงงานต่างชาติ ตั้งแต่วันที่ 9 พฤศจิกายน ปี 2545 กรณีที่แรงงานต่างชาติตั้งครรภ์ระหว่างทำงานอยู่ในไต้หวัน นายจ้างจะใช้เป็นข้ออ้างยกเลิกสัญญา ส่งแรงงานต่างชาติกลับประเทศไม่ได้ มิเช่นนั้น จะมีโทษปรับตั้งแต่ 60,000 เหรียญไต้หวันขึ้นไป ไม่เกิน 300,000 เหรียญไต้หวัน และจะไม่อนุญาตให้ว่าจ้างแรงงานต่างชาติอีกต่อไป กรณีที่อนุญาตไปแล้ว จะถูกเพิกถอนใบอนุญาตและห้ามนำเข้าแรงงานต่างชาติอีกต่อไป

          ทั้งนี้ แรงงานต่างชาติในภาคการผลิตและผู้อนุบาลในองค์กร หากตั้งครรภ์หรือคลอดบุตรในไต้หวัน จะได้รับการปฏิบัติเช่นเดียวกับแรงงานท้องถิ่น คือตรวจและฝากครรภ์ตามระเบียบของประกันสุขภาพ โดยสามารถดาวน์โหลดคู่มือสำหรับสตรีตั้งครรภ์ ซึ่งมีฉบับภาษาต่างๆ รวมทั้งภาษาไทยด้วย จากเว็บกระทรวงสาธารณรัฐสุขและสวัสดิการสังคม เมื่อคลอดบุตรแล้ว จะได้รับค่าคลอดบุตรเท่ากับ 2 เท่าของค่าจ้างที่แจ้งเอาประกัน และลาคลอดบุตรได้โดยมีค่าจ้างเป็นเวลา 60 วัน ฯลฯ กรณีตั้งครรภ์เกิน 3 เดือนแล้วแท้ง ให้วันหยุดพักผ่อนโดยมีค่าจ้าง 4 สัปดาห์ เกิน 2 เดือนแต่ไม่ถึง 3 เดือนให้วันหยุดพัก 1 สัปดาห์ สำหรับบุตรที่เกิดใหม่ สามารถแจ้งขอออกใบถิ่นที่อยู่ต่อสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองท้องที่ได้ ภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ให้กำเนิดบุตร แต่มีเงื่อนไขว่า แรงงานต่างชาติผู้ให้กำเนิดบุตร จะต้องเป็นแรงงานต่างชาติถูกกฎหมาย

      แรงงานในภาคการผลิตได้รับการคุ้มครองจากกฎหมายมาตรฐานแรงงานจึงไม่ค่อยมีปัญหา จะมีก็ในเรื่องการทำงานหลังคลอดใครจะดูแลเด็ก ดังนั้น แรงงานหญิงจำนวนมากจึงเลือกวิธียกเลิกสัญญากลับไปคลอดที่บ้าน จะได้ไม่มีปัญหาการดูแลในระหว่างคลอดและหลังคลอด และสามารถขอรับค่าคลอดบุตรได้ตามกฎหมายเท่ากับ 2 เท่าของค่าจ้างที่แจ้งเอาประกัน ยื่นขอได้ภายในเวลา 5 ปี นับจากวันที่คลอด จากข้อมูลของสำนักงานประกันภัยแรงงาน ระหว่างปี 2561-2564 มีแรงงานต่างชาติเพศหญิงในภาคการผลิต ยื่นขอค่าคลอดบุตร 15,648 ราย ในจำนวนนี้เดินทางกลับไปคลอดบุตรที่บ้านเกิด 13,300 ราย และแรงงานหญิงที่กลับไปคลอดบุตรที่บ้านเกิดเหล่านี้ มีจำนวน 8,010 ราย ยกเลิกสัญญาก่อนเดินทางกลับบ้าน แสดงว่าที่เหลือประมาณ 5,000 คน หลังคลอดบุตรแล้ว ยังเดินทางกลับมาทำงานต่อ เนื่องจากแรงงานต่างชาติในไต้หวันเพิ่มจำนวนขึ้นเฉลี่ยปีละ 50,000 คน ปัจจุบันมีกว่า 840,000 คน แน่นอนแรงงานหญิงที่ตั้งครรภ์ก็เพิ่มขึ้นตามไปด้วย อย่างในปี 2566 มีแรงงานหญิงยื่นขอค่าคลอดบุตรสูงถึง 5,687 ราย เจ้าหน้าที่กองทุนประกันภัยแรงงานเปิดเผย แรงงานต่างชาติที่ยื่นขอรับเงินช่วยเหลือค่าคลอดบุตร อันดับหนึ่งเป็นแรงงานหญิงฟิลิปปินส์ ตามด้วยเวียดนามนาม และอินโดนีเซีย ส่วนแรงงานหญิงไทยยื่นขอน้อยสุด อาจเป็นเพราะแรงงานหญิงไทยในภาคการผลิตมีสัดส่วนน้อย และส่วนใหญ่ไม่ทราบมีสวัสดิการนี้ ส่วนปัญหาที่สร้างความปวดหัวให้กับเจ้าหน้าที่กองทุนฯ มากที่สุดคือ พบมีสูติบัตรหรือใบเกิดปลอม สำหรับยื่นขอรับเงินช่วยเหลือค่าคลอดบุตรในสัดส่วนสูง ทำให้ต้องตรวจสอบอย่างละเอียด

      ขณะที่แรงงานหญิงที่ทำงานในตำแหน่งผู้อนุบาลในครัวเรือน ซึ่งมีจำนวนกว่า 210,000 คน กฎหมายอนุญาตให้ตั้งครรภ์คลอดบุตรได้ แต่เนื่องจากไม่ได้รับการคุ้มครองจากกฎหมายมาตรฐานแรงงาน ทำให้ไม่มีสวัสดิการด้านการคลอดบุตร เมื่อเกิดมีการตั้งครรภ์หรือคลอดบุตร จะมีปัญหาต่าง ๆ ตามมามากมาย และนายจ้างจำต้องมาดูแล ทั้ง ๆ ที่ว่าจ้างมาดูแลคนป่วย แต่กลับกลายเป็นผู้ถูกดูแล  ด้วยเหตุนี้ สมาชิกสภานิติบัญญัติหลายคนเรียกร้องให้กระทรวงแรงงานแก้กฎหมาย อนุญาตให้ผู้อนุบาลในครัวเรือนมีสิทธิ์รับสวัสดิการการคลอดบุตรเหมือนกับแรงงานในภาคการผลิต เรื่องนี้ กระทรวงแรงงานรับว่า จะนำไปหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ความช่วยเหลือต่อไป

      อย่างไรก็ตาม เพื่อป้องกันปัญหาที่จะเกิดขึ้นตามมา ก่อนหน้านี้ กระทรวงแรงงานเคยแนะนำว่า แรงงานต่างชาติที่รู้ตัวว่า ตั้งครรภ์แล้ว ก่อนเดินทางมาทำงานที่ไต้หวัน ควรจะแจ้งให้นายจ้างทราบล่วงหน้า หลีกเลี่ยงอันตรายที่อาจเกิดกับตัวเองและลูกในครรภ์ รวมถึงป้องกันเกิดข้อพิพาทในภายหลัง

สวัสดิการค่าคลอดบุตรจากกองทุนประกันภัยแรงงานไต้หวัน

1) คุณสมบัติผู้ยื่นขอ ต้องตั้งครรภ์ระหว่างเป็นสมาชิกกองทุนฯ และสอดคล้องเงื่อนไขข้อใดข้อหนึ่งดังนี้ :

             1.1 คลอดปกติ เป็นสมาชิกกองทุนฯ ครบ 280 วัน

             1.2 กรณีคลอดก่อนกำหนด ต้องเป็นสมาชิกกองทุนฯ ครบ 181 วัน (อายุครรภ์ครบ 20 สัปดาห์ แต่ไม่ถึง 37 สัปดาห์ หาก ไม่ทราบจำนวนวันตั้งครรภ์ที่แน่นอน ให้ใช้น้ำหนักของทารกเป็นเกณฑ์ โดยมีน้ำหนักเกิน 500 กรัม แต่น้อยกว่า 2,500 กรัม)

      ทั้งนี้ ระยะเวลาการเป็นสมาชิกกองทุนฯ สามารถรวมสะสมได้ ไม่จำเป็นต่อเนื่องกันหรือทำงานกับนายจ้างรายเดียวกัน

2) มาตรฐานการจ่ายค่าคลอดบุตร

      จ่ายเป็นก้อนครั้งเดียวจำนวน 60 วันของเงินค่าจ้างที่แจ้งเอาประกันโดยเฉลี่ย 6 เดือนสุดท้าย โดยนับจากวันที่คลอด (กรณีที่คลอดบุตรฝาแฝด จะได้รับเพิ่มขึ้นตามสัดส่วน)

3) เอกสารประกอบการยื่นขอ

      3.1 แบบคำร้องขอรับสวัสดิการช่วยเหลือค่าคลอดบุตร

      3.2 สำเนาหนังสือเดินทาง

      3.3 สำเนาบัตรถิ่นที่อยู่ (ARC)

      3.4 ใบรับรองการเปิดบัญชีจากธนาคาร (ฉบับภาษาอังกฤษ)

      3.5 สูติบัตร หรือใบรับรองการคลอดบุตร (กรณีทารกเสียชีวิตขณะคลอด ต้องมีใบรับรองจากสถานพยาบาล หรือแพทย์/ผดุงครรภ์ที่มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ) โดยต้องระบุข้อมูลของผู้ที่คลอด ได้แก่ ชื่อ-สกุล วันเดือนปีเกิด เลขที่บัตรประชาชน วันที่คลอด กรณีทารกเสียชีวิต ต้องระบุวันที่เสียชีวิต สาเหตุ จำนวนสัปดาห์ที่ตั้งครรภ์ และวันที่ประจำเดือนมาครั้งสุดท้าย

      3.6 ผู้ที่คลอดบุตรนอกพื้นที่ไต้หวัน ต้องมีใบรับรองแพทย์จากสถานพยาบาลในไต้หวันที่เคยไปรับการตรวจครรภ์ หากไม่มี ให้แนบใบรับรองแพทย์จากสถานพยาบาลของประเทศนั้นๆ โดยระบุ วันที่เข้ารับการตรวจครรภ์ จำนวนสัปดาห์ที่ตั้งครรภ์ และวันที่ประจำเดือนมาครั้งสุดท้าย

      เอกสารประกอบข้างต้น (ยกเว้นข้อ 3.1-3.4) ต้องผ่านการแปลเป็นภาษาอังกฤษและภาษาจีน และผ่านการรับรองจากกรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศไทย และสำนักงานเศรษฐกิจและวัฒนธรรมไทเป ประจำประเทศไทย

4) การยื่นขอรับสวัสดิการช่วยเหลือค่าคลอดบุตร

       ต้องยื่นขอภายใน 5 ปี นับแต่วันที่คลอด หากเลยกำหนด จะหมดสิทธิ์การยื่นขอ (ยื่นผ่านสำนักงานแรงงานของจังหวัดที่ท่านอาศัยอยู่ จากนั้นจะส่งกลับมายังสำนักงานแรงงานไทยที่ไต้หวันเป็นผู้ดำเนินการยื่นขอต่อกองทุนฯ โดยไม่เสียค่าบริการ)

ขั้นตอนและเอกสารประกอบการขอรับเงินสิทธิประโยชน์กรณีคลอดบุตร (จัดทำโดย สำนักงานแรงงานไทย ไทเป)

5) สิทธิในการลาคลอด

       หากคลอดบุตรระหว่างทำงานในไต้หวัน มารดามีสิทธิลาคลอดได้ก่อนหรือหลังคลอด 8 สัปดาห์ (ให้นับวันหยุดในระหว่างวัน ลารวมด้วย) ผู้ที่เข้าเป็นสมาชิกกองทุนฯ เกิน 6 เดือน จะได้รับเงินค่าจ้างเต็มจำนวน หากไม่ครบ จะได้รับค่าจ้าง 50%

       สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงานแรงงานไทย ไทเป โทรศัพท์ 02-2701-1413 โทรสาร 02 2701-1433

       หรือสอบถามผ่านทางเฟซบุ๊ก https://www.facebook.com/thailabourtaipei/

2. แรงงานต่างชาติเพศหญิงคลอดลูกในห้องน้ำ อาสากู้ภัยโชว์ความเป็นมืออาชีพช่วยชีวิตแม่ลูกไว้ได้

      เกิดเหตุฉุกเฉินไม่คาดฝัน เมื่อแรงงานหญิงต่างชาติรายหนึ่งซึ่งกำลังตั้งครรภ์ เกิดเจ็บท้องคลอดขณะเข้าห้องน้ำและให้กำเนิดทารกโดยไม่ทันตั้งตัว สถานการณ์ดังกล่าวสร้างความตื่นตกใจ แต่ได้รับการช่วยเหลืออย่างทันท่วงทีจากเจ้าหน้าที่กู้ภัย

      เหตุการณ์ครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 8 กันยายนที่ผ่านมา กองดับเพลิงไทจงได้รับแจ้งเหตุฉุกเฉิน จึงสั่งการให้หน่วยกู้ภัยจากสถานีดับเพลิงเสินกังเร่งเข้าพื้นที่ โดยมีเจ้าหน้าที่ดับเพลิงพร้อมด้วยอาสาสมัครกู้ภัยผู้มีประสบการณ์สูงร่วมปฏิบัติการ เมื่อทีมกู้ภัยถึงที่เกิดเหตุ ได้เร่งทำการประเมินอาการทั้งแม่และทารกแรกเกิดทันที โดยตรวจสอบสัญญาณชีพและให้การดูแลเบื้องต้นอย่างรอบคอบ โชคดีที่ทั้งสองมีอาการมั่นคง ก่อนจะถูกนำส่งโรงพยาบาลเพื่อรับการดูแลต่อไป ทั้งมารดาและทารกปลอดภัย

กองดับเพลิงไทจงส่งอาสาสมัครกู้ภัยผู้มีประสบการณ์สูงช่วยเหลือแรงงานต่างชาติเพศหญิงรายหนึ่ง คลอดบุตรในห้องน้ำถูกนำส่งโรงพยาบาล ทั้งมารดาและทารกปลอดภัย (ภาพจาก LTN)

      ซ่งชิงถาน อาสากู้ภัยผู้มีประสบการณ์ทำงานกว่า 11 ปีเปิดเผยว่า แม้ตนเคยเผชิญสถานการณ์ช่วยชีวิตมามาก แต่ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ต้องรับมือกับเหตุฉุกเฉินการคลอดบุตร เขายอมรับว่าเป็นประสบการณ์ที่ท้าทาย แต่ทุกอย่างผ่านพ้นไปได้ด้วยดี พร้อมขอบคุณทีมงานที่ร่วมมืออย่างมีประสิทธิภาพ ด้านสถานีดับเพลิงเสินกังระบุว่า เหตุการณ์ครั้งนี้สะท้อนถึงความเป็นมืออาชีพและความมีสติเยือกเย็นสุขุมของอาสากู้ภัย ซึ่งไม่เพียงแต่แสดงให้เห็นทักษะทางวิชาชีพ แต่ยังสะท้อนจิตวิญญาณแห่งความเป็นมนุษยธรรมที่มุ่งช่วยเหลือชีวิตผู้ประสบเหตุ เหตุการณ์ดังกล่าวไม่เพียงสร้างความซาบซึ้งใจให้แก่สังคม แต่ยังตอกย้ำบทบาทสำคัญของเจ้าหน้าที่และอาสากู้ภัย ที่พร้อมปฏิบัติหน้าที่ในทุกสถานการณ์ แม้กระทั่งเหตุการณ์ไม่คาดคิดในห้องน้ำ ที่ต้องอาศัยทั้งความกล้าหาญ ความรู้ความสามารถ และหัวใจแห่งการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์อย่างแท้จริง

      ก่อนหน้านี้เคยมีแรงงานหญิงชาวไทย อายุ 28 ปี มาจากจังหวัดนครราชสีมา เดินทางมาทำงานที่ไต้หวันกับบริษัท Tai Saw Technology ซึ่งเป็นโรงงานผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ตั้งอยู่ที่เขตผิงเจิ้น นครเถาหยวน กำลังจะครบสัญญาอยู่แล้ว แรงงานไทยรายนี้มีอาการปวดท้อง และได้คลอดลูกกลางห้องน้ำ เพื่อน ๆ เห็นเข้ารีบแจ้งทางโรงงานทราบ และโทรเรียกรถพยาบาลนำแรงงานไทยและเด็กทารกส่งโรงพยาบาล Mackay Memmorial Hospital สาขาซินจู๋ ปรากฏว่า ทั้งแม่และเด็กปลอดภัยดี โดยแรงงานไทยนอกจากจะได้รับการช่วยเหลือค่าใช้จ่ายในการทำคลอดที่โรงพยาบาลแล้ว ยังได้รับเงินช่วยเหลือคลอดบุตรเท่ากับค่าจ้างที่แจ้งเอาประกัน 2 เท่าจากกองทุนประกันภัยแรงงาน แต่เนื่องจากทารกคลอดก่อนกำหนด ทารกอยู่ในครรภ์มารดาไม่ถึง 7 เดือน มีน้ำหนักเพียงแค่ 1,400 กรัม การเจริญเติบโตยังไม่สมบูรณ์ จะต้องรักษาตัวอยู่ในตู้อบ ซึ่งมีค่าใช้จ่ายที่แพงมาก วันละประมาณ 30,000 เหรียญไต้หวัน ประกอบกับเด็กทารกไม่ใช่พลเมืองไต้หวัน ผู้เป็นมารดาก็ใกล้จะทำงานครบสัญญา 3 ปีในอีก 2 เดือนข้างหน้า เด็กทารกอยู่ในไต้หวันไม่ถึง 6 เดือน ไม่อยู่ในขอบข่ายการบังคับเข้าประกันสุขภาพ ทำให้ไม่สามารถเบิกค่ารักษาพยาบาลได้ ทางบริษัทจัดหางานจึงแจ้งไปยังสำนักงานแรงงาน จากการช่วยประสานงานของสำนักงานแรงงานไทย ทางสำนักงานการค้าและเศรษฐกิจไทยตกลงจะให้ความช่วยเหลือแก่แรงงานไทยรายนี้ ในฐานะคนไทยที่ตกทุกข์ได้ยากในต่างแดน

      จากการติดต่อสอบถาม แรงงานไทยกล่าวว่า พ่อเด็กเป็นคนงานไทยด้วยกัน แต่เดินทางกลับประเทศไทยแล้ว และไม่ประสงค์จะแจ้งให้เขาทราบ เดิมทีคิดว่าจะถึงกำหนดคลอดหลังครบสัญญาแล้ว 2 เดือน ตั้งใจจะกลับไปคลอดที่ประเทศไทย แต่ที่ไหนได้ มาคลอดก่อนกำหนดร่วม 4 เดือน

3. ขึ้นไปได้อย่างไร? หนุ่มฟิลิปปินส์ที่ซินจู๋สุดงง สร่างเมาพบตัวเองนอนบนหลังคาชั้น 5 บ้านคนไต้หวัน

      เมื่อบ่ายวันที่ 14 กันยายนที่ผ่านมา เกิดเหตุไม่คาดฝันที่ซินจู๋ เมืองที่มีแรงงานฟิลิปปินส์ทำงานอยู่จำนวนมาก เนื่องจากเป็นที่ตั้งโรงงานไฮเทค แรงงานฟิลิปปินส์วัยประมาณ 30 ปีรายหนึ่ง ตื่นขึ้นมาพบว่าตนเองนอนอยู่บนหลังคาเหล็กชั้น 5 ของบ้านชาวไต้หวัน โดยไม่ทราบว่าขึ้นไปได้อย่างไร หลังจากดื่มสุราเมาหนักในคืนก่อนหน้า เจ้าหน้าที่ดับเพลิงต้องระดมกำลังเข้าช่วยเหลือด้วยความระมัดระวัง ก่อนนำตัวลงมาสู่พื้นอย่างปลอดภัย

แรงงานฟิลิปปินส์วัยประมาณ 30 ปีรายหนึ่ง สร่างเมาพบว่านอนอยู่บนหลังคาเหล็กชั้น 5 ของบ้านชาวไต้หวัน โดยไม่ทราบว่าตนขึ้นไปได้อย่างไร (ภาพจาก กองดับเพลิงซินจู๋)

      เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 14.00 น. กองดับเพลิงซินจู๋ได้รับแจ้งว่า มีชายรายหนึ่งนอนอยู่บนหลังคาชั้น 5 ของบ้านพักในถนนต้าถง เสี่ยงต่อการพลัดตกลงจากที่สูง หน่วยดับเพลิงรีบเข้าตรวจสอบและพบว่า ชายดังกล่าวคือแรงงานฟิลิปปินส์วัย 30 ปีจริงตามที่แจ้ง ทันทีที่ถึงที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่กู้ภัยกว่า 10 นาย พร้อมรถดับเพลิง 4 คันเดินทางถึงที่เกิดเหตุ และใช้รถกระเช้าเข้าถึงตัวแรงงานฟิลิปปินส์ ขณะเดียวกันได้ประสานเพื่อนแรงงานชาติเดียวกันที่พักอยู่ในโรงแรมใกล้เคียงมาช่วยพูดคุยเกลี้ยกล่อม

แรงงานฟิลิปปินส์วัยประมาณ 30 ปีรายหนึ่ง สร่างเมาพบว่านอนอยู่บนหลังคาเหล็กชั้น 5 ของบ้านชาวไต้หวัน โดยไม่ทราบว่าตนขึ้นไปได้อย่างไร (ภาพจาก กองดับเพลิงซินจู๋)

      25 นาทีให้หลัง รถกระเช้าถูกยกขึ้นไปยังตำแหน่งที่แรงงานฟิลิปปินส์รายดังกล่าวนั่งอยู่ และเจ้าหน้าที่สามารถเข้าติดต่อพูดคุยได้สำเร็จ จากนั้นแรงงานฟิลิปปินส์รายนี้ถูกนำตัวขึ้นมาที่แพลตฟอร์มของรถกระเช้า สิ้นสุดภารกิจช่วยเหลืออย่างปลอดภัย

แรงงานฟิลิปปินส์วัยประมาณ 30 ปีรายหนึ่ง สร่างเมาพบว่านอนอยู่บนหลังคาเหล็กชั้น 5 ของบ้านชาวไต้หวัน โดยไม่ทราบว่าตนขึ้นไปได้อย่างไร (ภาพจาก กองดับเพลิงซินจู๋)

      จากการตรวจสอบพบว่า แรงงานฟิลิปปินส์รายนี้มีบาดแผลฉีกขาดบริเวณหน้าผากด้านขวาประมาณ 3 เซนติเมตร แต่โดยรวมร่างกายไม่เป็นอันตรายร้ายแรง เจ้าหน้าที่ได้ส่งตัวไปโรงพยาบาลเพื่อทำแผลและตรวจเช็กร่างกายเพิ่มเติม เบื้องต้น แรงงานฟิลิปปินส์รายนี้ให้การว่า ตนดื่มสุราเมาหนักเมื่อคืนที่ผ่านมา กระทั่งหมดสติไป และเมื่อสร่างเมาก็พบว่าตัวเองนอนอยู่บนหลังคาเหล็กชั้น 5 ของบ้านคนไต้หวัน โดยไม่ทราบสาเหตุว่าปีนขึ้นไปได้อย่างไร

เจ้าหน้าที่กองดับช่วยนำแรงงานฟิลิปปินส์รายหนึ่ง เมาปีนขึ้นไปนอนบนหลังคาบ้านของชาวไต้หวันลงมาได้อย่างปลอดภัย (ภาพจาก กองดับเพลิงซินจู๋)

      เจ้าหน้าที่ตำรวจซินจู๋ได้เข้าตรวจสอบพื้นที่และทำการสอบสวนเพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงว่า ชายรายนี้ปีนขึ้นไปบนหลังคาเอง หรือมีเหตุอื่นแอบแฝง ขณะเดียวกันหน่วยดับเพลิงย้ำเตือนประชาชนและแรงงานต่างชาติในพื้นที่ว่า การดื่มสุราจนขาดสตินั้น อาจก่อให้เกิดอันตรายต่อชีวิตได้ทุกเมื่อ

為提供您更好的網站服務,本網站使用cookies。

若您繼續瀏覽網頁即表示您同意我們的cookies政策,進一步了解隱私權政策。 

我了解