Skip to the main content block
::: หน้าแรก| แผนผังเว็บไซต์| Podcasts|
|
Language

Formosa Dream Chasers - Programs - RTI Radio Taiwan International-logo

รายการ
| รายการล่าสุด
เลือกรายการ
ผู้จัดรายการ ตารางรายการ
ประเด็น (ข่าว) ยอดนิยม
繁體中文 简体中文 English Français Deutsch Indonesian 日本語 한국어 Русский Español ภาษาไทย Tiếng Việt Tagalog Bahasa Melayu Українська แผนผังเว็บไซต์

ไขปัญหาแรงงาน วันพุธที่ 29 ตุลาคม 2568

เตือน! ห้ามนำเข้าเนื้อสัตว์และผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของเนื้อหมูเด็ดขาด
เตือน! ห้ามนำเข้าเนื้อสัตว์และผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของเนื้อหมูเด็ดขาด

1. เข้าไต้หวันอย่าประมาทหลังตรวจพบโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกรเป็นครั้งแรกในรอบ 7 ปี ทางการคุมเข้มการนำเข้าผลิตภัณฑ์เนื้อหมู

กระทรวงเกษตรไต้หวันยืนยันว่า พบกรณีต้องสงสัยของโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร (ASF) ในพื้นที่นครไทจง นับเป็นครั้งแรกที่มีสัญญาณการระบาดภายในไต้หวันตั้งแต่เริ่มเสริมมาตรการป้องกันชายแดนเมื่อปี 2561 ซึ่งอาจหมายถึงแนวป้องกันโรคในรอบ 7 ปีของไต้หวันกำลังถูกเจาะทะลุ

กรมสุขอนามัยและการตรวจกักกันพืชและสัตว์ กระทรวงเกษตรไต้หวันได้จัดแถลงข่าวเมื่อวันที่ 22 ตุลาคมที่ผ่านมา ชี้แจงมาตรการควบคุมในพื้นที่และแนวทางปฏิบัติระยะต่อไป ขณะที่กองการเกษตรนครไทจงระบุว่า จะดำเนินการทุกอย่างตามประกาศของส่วนกลางและปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด

เมื่อต้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ไต้หวันเพิ่งได้รับการรับรองจากองค์การอนามัยสัตว์โลก (WOAH) ให้เป็นเขตพื้นที่ปลอดโรคสุกรสามชนิดหลัก ได้แก่ โรคอหิวาต์ในสุกร โรคปากและเท้าเปื่อย และโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร ถือเป็นประเทศเดียวในเอเชียที่ปลอดทั้งสามโรค แต่หลังจากนั้นเพียงไม่ถึงครึ่งปี กระทรวงเกษตรกลับประกาศพบฟาร์มสุกรในประเทศต้องสงสัยติดเชื้อ ASF

จากการสอบสวนพบว่า ฟาร์มสุกรแห่งหนึ่งในเขตอูชี นครไทจง มีการขึ้นทะเบียนสุกรจำนวน 300 ตัว เป็นฟาร์มระบบครบวงจร ใช้วิธีเลี้ยงสุกรด้วยเศษอาหาร (แต่ลูกสุกรได้รับอาหารสำเร็จรูป) โดยตั้งแต่วันที่ 10 ตุลาคมที่ผ่านมา เริ่มพบสุกรตายผิดปกติ สัตวแพทย์ประจำฟาร์มสงสัยว่าอาจป่วยเป็นโรคปอดและเยื่อหุ้มปอดอักเสบจากการติดเชื้อแบคทีเรียแอคติโนบาซิลลัส (Actinobacillus pleuropneumoniae) จึงทำการรักษาเบื้องต้น กระทั่งระบบตรวจสอบการกำจัดซากสัตว์รายงานจำนวนการตายเพิ่มขึ้นผิดปกติ เจ้าหน้าที่กองคุ้มครองสัตว์ไทจงจึงเข้าตรวจสอบเมื่อวันที่ 14 ตุลาคม แต่ขณะนั้นยังไม่ได้เก็บตัวอย่างเพราะอยู่ระหว่างการรักษา

หลังประกาศห้ามเคลื่อนย้ายสุกร 15 วัน ส่งผลให้ร้านขายบาหวัน (อาหารทานเล่นอร่อยของไต้หวัน เป็นแป้งนุ่ม ๆ ไส้หมูผัดเห็ด หน่อไม้) ชื่อดังหลายร้านในจางฮั่วต้องปิดร้านชั่วคราว (ภาพจาก udn.com)

กระทรวงเกษตรเปิดเผยว่า หลังได้รับผลตรวจยืนยัน ทีมงานได้เร่งเข้าควบคุมพื้นที่โดยทำการทำลายสุกรทั้งหมด 195 ตัวในฟาร์มดังกล่าว ฝังกลบซาก และดำเนินการทำความสะอาด ฆ่าเชื้ออย่างเข้มงวด พร้อมกำหนดเขตกักกันในรัศมี 3 กิโลเมตรรอบจุดพบโรค ซึ่งครอบคลุมฟาร์มสุกรอีก 2 แห่ง เพื่อควบคุมการเคลื่อนย้ายและเฝ้าตรวจสอบอย่างใกล้ชิด

นอกจากนี้ กระทรวงเกษตรประกาศมาตรการฉุกเฉินทั่วประเทศจนถึงวันที่ 6 พ.ย. เป็นต้นมาดังนี

- ห้ามขนย้ายและชำแหละสุกรทั่วประเทศเป็นเวลา 15 วัน อาจขยายระยะเวลาหากสถานการณ์ยังไม่คลี่คลาย

- ห้ามใช้เศษอาหารเลี้ยงสุกรทั่วประเทศอย่างเด็ดขาด

- สั่งให้ทุกตลาดเนื้อสัตว์และโรงฆ่าสัตว์ดำเนินการล้างทำความสะอาดและฆ่าเชื้อยานพาหนะอย่างเข้มงวด

หากตรวจพบนำเข้าอาหารที่มีส่วนผสมเนื้อหมู จะถูกปรับขั้นต่ำ 200,000 เหรียญ  หากไม่มีเงินเสียค่าปรับ จะไม่ได้รับอนุญาตเข้าสู่ไต้หวัน (ภาพจาก udn.com)

สุกรที่ถูกขนส่งออกจากฟาร์มก่อนคำสั่งมีผล สามารถเข้าสู่โรงฆ่าสัตว์ได้ แต่ห้ามเคลื่อนย้ายออก และจะมีการตรวจสุขภาพทั้งก่อนและหลังการชำแหละอย่างละเอียด ส่วนสาเหตุที่ยังจัดให้เป็นกรณีต้องสงสัย แม้ตรวจพบสารพันธุกรรมไวรัส ASF แล้วนั้น นางตู้เหวินเจิน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรชี้แจงว่า เนื่องจากนี่เป็นครั้งแรกที่พบผลตรวจเชื้อไวรัสในประเทศ ตามข้อเสนอขององค์การอนามัยสัตว์โลก การยืนยันต้องมีการแยกเชื้อไวรัสตัวเป็น ๆ เพื่อยืนยันสายพันธุ์เพิ่มเติมก่อน จึงจะสามารถประกาศเป็นการระบาดอย่างเป็นทางการได้

ด่านตรวจกักกันพืชและสัตว์ประจำท่าอากาศยานมีการตรวจสัมภาระของผู้โดยสารที่นำผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์เข้าสู่ไต้หวันอย่างเข้มงวดทุกใบ

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่เน้นย้ำว่า โรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกรไม่ใช่โรคที่ติดต่อสู่คน และไม่มีผลกระทบต่อความปลอดภัยของผู้บริโภค ทางการจะจัดสรรเนื้อสุกรแช่แข็งจากศูนย์สำรองมาใช้ เพื่อรักษาเสถียรภาพด้านการบริโภคภายในประเทศในระยะสั้น

การตรวจพบครั้งนี้สร้างความตื่นตัวในวงการเกษตรและอุตสาหกรรมเลี้ยงสุกรทั่วไต้หวัน ซึ่งมีมูลค่าทางเศรษฐกิจสูงและเป็นแหล่งบริโภคหลักของชาวไต้หวัน ทางการจึงเร่งดำเนินมาตรการสูงสุด เพื่อหวังสกัดโรคไม่ให้ลุกลามจนกระทบต่อสถานะประเทศปลอดโรคสุกร ที่เพิ่งได้รับการรับรองไปไม่นาน

เดิมมีการแยกช่องเดินสำหรับผู้โดยที่เดินทางมาจากประเทศที่ถูกประกาศเป็นพื้นที่ระบาดโรคอหิวาต์แอฟริกา (ช่องสีแดง) และไม่ใช่ (ช่องสีเขียว) ขณะนี้ถูกยกเลิกต้องรับการตรวจทุกประเทศ (ภาพจาก udn.com)

สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองกล่าวเตือนว่า ผู้โดยสารที่เดินทางเข้าไต้หวัน ห้ามนำเนื้อสุกรและผลิตภัณฑ์แปรรูปเนื้อสุกรเข้าสู่ไต้หวัน หากถูกตรวจพบ ครั้งแรกปรับ 200,000 เหรียญไต้หวัน ทำผิดซ้ำปรับ 1 ล้านเหรียญไต้หวัน หากไม่สามารถชำระค่าปรับตามกำหนดได้ สามารถใช้การจำคุกแทนการเสียค่าปรับได้ในอัตรา 1,000-3000 เหรียญไต้หวันต่อวัน ส่วนผู้โดยสารจะไม่ได้รับอนุญาตให้เดินทางเข้าสู่ไต้หวัน จะถูกส่งกลับประเทศทันที

กรณีที่นำเข้าเนื้อสัตว์แปรรูปจากทางบ้านที่ส่งผ่านไปรษณีย์หรือบริการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ จะถูกดำเนินคดีทางอาญาด้วย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี ปรับไม่เกิน 3 ล้านเหรียญไต้หวัน หากเป็นแรงงานต่างชาติ พ้นโทษแล้วยังจะถูกเนรเทศส่งกลับประเทศ ห้ามเดินทางมาทำงานที่ไต้หวันตลอดชีวิต ส่วนคนส่งก็เป็นผู้ต้องหาร่วม ในอนาคตหากเดินทางเข้าไต้หวันจะถูกจับที่สนามบินนำตัวไปดำเนินคดีทันที จึงเตือนแรงงานไทยต้องระวัง ทางที่ดีควรแจ้งให้ญาติมิตรที่บ้านทราบ อย่าส่งสิ่งของต้องห้าม โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์แปรรูปเนื้อสัตว์ ยาสำเร็จรูป เป็นต้น มาที่ไต้หวันอย่างเด็ดขาด มิเช่นนั้น ความหวังดีของผู้ส่ง อาจกลายเป็นความเดือดร้อนของผู้รับ

ที่ท่าอากาศยานจะมีป้ายเตือนห้ามนำผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์เข้าไต้หวัน ผู้ฝ่าฝืนมีโทษปรับสูงสุด 1,000,000 เหรียญไต้หวัน

ด้านกระทรวงแรงงานก็เตือนว่า แรงงานต่างชาติได้รับพัสดุผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์จากทางบ้านที่ส่งผ่านไปรษณีย์หรือบริการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ จะต้องนำส่งกรมสุขอนามัยและการตรวจกักกันพืชและสัตว์เพื่อทำลาย มิเช่นนั้น มีโทษปรับ 150,000 เหรียญไต้หวัน และแรงงานต่างชาติที่กระทำผิดถูกปรับ เข้าข่ายฝ่าฝืนกฎหมายการจ้างงานมาตรา 73 วรรค 6 จะถูกเพิกถอนใบอนุญาตทำงานและถูกส่งกลับประเทศ ย้ำเตือนอย่าสั่งและต้องแจ้งญาติพี่น้องที่บ้านอย่าส่งอาหารหรือผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์มายังไต้หวันอย่างเด็ดขาด

2. จับได้แล้ว แรงงานหญิงอินโดนีเซียใจโหดคลอดลูกแล้วนำไปทิ้งหลังสถานีรถไฟความเร็วสูงเจียอี้ อาจโดนข้อหาฆาตกรรม

      เกิดเหตุสลดที่ตำบลหลิ่วเจี่ยว เมืองเจียอี้ เมื่อช่วงเช้าวันที่ 18 ตุลาคมที่ผ่านมา เมื่อชาวบ้านพบศพทารกเพศชายแรกเกิดถูกทิ้งอยู่ข้างกำแพงหลังสถานีรถไฟความเร็วสูงเจียอี้ ศพทารกถูกห่อด้วยผ้าขนหนูและใส่ในถุงป่าน ซึ่งมีรอยเลือดซึมออกมาภายนอก เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจและหน่วยกู้ภัยเดินทางถึงที่เกิดเหตุ พบว่าเด็กเสียชีวิตแล้ว จึงไม่ได้ส่งโรงพยาบาล แต่ส่งต่อสถานฌาปนกิจรออัยการและนิติเวชตรวจพิสูจน์สาเหตุการเสียชีวิต

แรงงานหญิงอินโดนีเซียใจโหดคลอดลูกแล้วนำไปทิ้งหลังสถานีรถไฟความเร็วสูงเจียอี้ (ภาพจาก LTN)

      ตำรวจสอบสวนเบื้องต้นพบว่า ผู้ต้องสงสัยเป็นแรงงานหญิงอินโดนีเซีย อายุประมาณ 20 ปีเศษ ซึ่งทำงานเป็นผู้อนุบาลดูแลผู้สูงอายุในบ้านหลังหนึ่ง เธอมีรูปร่างเล็กและมักลาหยุดไปหาเพื่อนเป็นครั้งคราว วันเกิดเหตุเธออยู่ในช่วงวันหยุดและได้เรียกรถแท็กซี่ออกจากพื้นที่ทิ้งศพทารกไปยังนครเกาสง ก่อนจะขาดการติดต่อ หลังจากติดตามเบาะแส ตำรวจสามารถจับกุมหญิงรายนี้ได้ในช่วงค่ำวันเดียวกันที่สถานีรถไฟความเร็วสูงเจียอี้ และได้นำตัวกลับมาสอบสวนในข้อหาต้องสงสัยกระทำความผิดฐานทิ้งศพหรือฆาตกรรม ตามประมวลกฎหมายอาญา

แรงงานหญิงอินโดนีเซียใจโหดคลอดลูกแล้วนำไปทิ้งหลังสถานีรถไฟความเร็วสูงเจียอี้ (ภาพจาก LTN)

      เจ้าหน้าที่ชันสูตรศพเบื้องต้นระบุว่า ทารกเพศชายดังกล่าวเพิ่งคลอดได้ไม่นาน และยังมีสายสะดือติดอยู่กับร่าง ศพถูกห่อด้วยผ้าขนหนูและใส่ในถุงป่าน ก่อนถูกนำไปทิ้งไว้ในพื้นที่ดังกล่าว เจ้าหน้าที่กำลังตรวจสอบว่า เด็กทารกตายก่อนคลอด หรือเสียชีวิตหลังคลอด หากพบว่าเด็กยังมีชีวิตขณะคลอดแล้วเสียชีวิตภายหลัง ผู้เป็นแม่อาจถูกดำเนินคดีในข้อหาฆาตกรรม ซึ่งมีโทษร้ายแรงกว่าคดีทอดทิ้งทั่วไป

ตำรวจสามารถจับกุมแรงงานหญิงรายนี้ได้ในช่วงค่ำวันเดียวกันที่สถานีรถไฟความเร็วสูงเจียอี้ (ภาพจาก udn.com)

      กองสังคมสงเคราะห์เมืองเจียอี้เปิดเผยว่า ได้ประสานกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายคุ้มครองและป้องกันปัญหาทางครอบครัวเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง และดำเนินการร่วมกับกองแรงงานและเยาวชน ช่วยเหลือจัดการศพ และจะตรวจสอบว่า ผู้อนุบาลรายนี้ฝ่าฝืนกฎหมายคุ้มครองสวัสดิภาพเด็กและเยาวชนหรือไม่?

      เจ้าหน้าที่สังคมสงเคราะห์รายหนึ่งซึ่งติดตามดูแลแรงงานต่างชาติกล่าวด้วยความสะเทือนใจว่า แรงงานเหล่านี้ต้องจากบ้านเกิดมาเพราะฐานะครอบครัวยากจน แต่ในช่วงเวลาที่อ่อนแอที่สุด พวกเธอกลับไม่มีใครให้พึ่งพิง นี่ไม่ใช่แค่ปัญหาทางกฎหมาย แต่เป็นบททดสอบของความเข้าใจและความเห็นอกเห็นใจในสังคมด้วย

มูลนิธิบ้านปรองดอง (Harmony Home Foundation, Taiwan) รับดูแลทารกแรงงานต่างชาติที่คลอดแล้วทิ้งจำนวนมาก (ภาพจาก Harmony Home Foundation)

      เหตุการณ์นี้สะท้อนความเป็นจริงอันโหดร้ายของแรงงานหญิงต่างชาติในไต้หวัน ที่ตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์หรืออยู่ในสถานะยากลำบาก ตามข้อมูลของกระทรวงแรงงานไต้หวัน ปัจจุบันในไต้หวันมีแรงงานต่างชาติกว่า 850,000 คน อัตราส่วนของแรงงานต่างชาติเพศชาย 52% ส่วนเพศหญิงอยู่ที่ 48% ในจำนวนนี้ ชาติที่มีแรงงานเพศหญิงทำงานในไต้หวันมากที่สุดได้แก่ อินโดนีเซีย มีจำนวนมากกว่า 210,000 คน ครองสัดส่วนแรงงานต่างชาติเพศหญิงในไต้หวันกว่าครึ่ง ทั้งนี้ แรงงานหญิงอินโดนีเซียส่วนใหญ่ทำงานในตำแหน่งผู้อนุบาลในครัวเรือน ซึ่งไม่ได้รับการคุ้มครองจากกฎหมายมาตรฐานแรงงาน เมื่อเกิดการตั้งครรภ์ มักเกรงว่าจะถูกเลิกจ้างหรือถูกส่งกลับประเทศ จึงไม่กล้าไปตรวจครรภ์หรือแจ้งนายจ้างทราบ ทำให้ขาดโอกาสในการรับการดูแลทางการแพทย์ที่เหมาะสม

มูลนิธิบ้านปรองดอง (Harmony Home Foundation, Taiwan) รับดูแลทารกแรงงานต่างชาติที่คลอดแล้วทิ้งจำนวนมาก (ภาพจาก Harmony Home Foundation)

      ด้านองค์กรสวัสดิการสังคมและสิทธิมนุษยชนชี้ว่า ปัญหานี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ หลายปีที่ผ่านมา มีรายงานแรงงานหญิงต่างชาติที่ปกปิดการตั้งครรภ์และคลอดบุตรอย่างลับ ๆ ในหอพักหรือห้องน้ำโดยไม่มีผู้ช่วยเหลือ ซึ่งบางครั้งนำไปสู่เหตุสลดเช่นเดียวกับกรณีนี้จากสถิติในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ทั่วไต้หวันมีคดีทารกถูกทอดทิ้งหรือถูกทำร้ายโดยมารดาต่างชาติหลายกรณี ซึ่งสะท้อนช่องว่างระหว่างนโยบายคุ้มครองแรงงานต่างชาติกับการปฏิบัติจริงในสถานที่ทำงานที่ยังไม่สอดคล้องกัน

      กองสังคมสงเคราะห์เมืองเจียอี้ระบุว่า ได้เข้าดูแลกรณีนี้โดยร่วมกับหลายหน่วยงาน ทั้งด้านแรงงาน แพทย์ และกฎหมาย พร้อมเรียกร้องให้นายจ้างและบริษัทจัดหางาน อย่ากดดันหรือเลิกจ้างแรงงานเพียงเพราะตั้งครรภ์ พร้อมเสนอให้รัฐบาลเร่งขยายระบบให้ความช่วยเหลือด้านการฝากครรภ์ การให้คำปรึกษา และการช่วยเหลือทางกฎหมาย สำหรับแรงงานหญิงต่างชาติในไต้หวัน

為提供您更好的網站服務,本網站使用cookies。

若您繼續瀏覽網頁即表示您同意我們的cookies政策,進一步了解隱私權政策。 

我了解