1. ข่าวดี! ไต้หวันประกาศบังคับนายจ้างจ่ายเงินสมทบกองทุนบำนาญให้แรงงานต่างชาติที่ทำงานกับตนครบ 10 ปี เริ่มเมษายนปีหน้า ฝ่าฝืนปรับสูงสุด 3 แสนเหรียญไต้หวัน
กระทรวงแรงงานไต้หวันออกประกาศใหม่ กำหนดให้แรงงานต่างชาติทำงานในสถานประกอบการรายเดียวกันครบ 10 ปี นายจ้างต้องเริ่มจ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนบำนาญให้แรงงาน โดยคิดตามสัดส่วนของเงินเดือนรวมในแต่ละเดือน ขั้นต่ำอยู่ที่ 590 เหรียญไต้หวันต่อคนต่อเดือน ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2569 เป็นต้นไป นายจ้างรายใดฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตาม อาจถูกปรับสูงสุดถึง 300,000 เหรียญไต้หวัน

แรงงานต่างชาติทั่วไปทำงานกับนายจ้างรายเดียวกันครบ 10 ปี นายจ้างต้องจ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนบำนาญ เริ่มมีผล 1 เมษายน 2569
ข้อมูลจากกระทรวงแรงงานระบุว่า ปัจจุบันมีแรงงานต่างชาติในไต้หวันกว่า 850,000 คน ส่วนใหญ่เป็นแรงงานไร้ฝีมือหรือแรงงานต่างชาติทั่วไป ที่อยู่ภายใต้ระบบบำนาญแบบเก่า ตามกฎหมายมาตรฐานแรงงาน ซึ่งที่ผ่านมา กระทรวงแรงงานเคยมีหนังสือแจ้งนายจ้างไม่จำเป็นต้องจ่ายเงินเข้ากองทุนบำนาญรายเดือนให้แรงงานกลุ่มนี้ เนื่องจากในอดีตแรงงานต่างชาติได้รับอนุญาตให้ทำงานในไต้หวันไม่เกิน 6 ปี จึงไม่อาจเข้าเงื่อนไขการเกษียณตามกฎหมายได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อระยะเวลาทำงานของแรงงานต่างชาติในไต้หวันขยายออกไปสูงสุดถึง 12 ปี และในกรณีที่ได้รับการยกระดับเป็นแรงงานกึ่งฝีมือ ก็สามารถทำงานได้โดยไม่จำกัดเวลา ส่งผลให้แรงงานบางส่วนเริ่มเข้าเกณฑ์รับบำนาญตามเงื่อนไขทำงานครบ 10 ปีและมีอายุ 60 ปีขึ้นไป กระทรวงแรงงานจึงออก หนังสือชี้แจงตีความกฎหมายใหม่ เพื่อบังคับให้นายจ้างจ่ายเงินสมทบกองทุนบำนาญแก่แรงงานต่างชาติที่ทำงานครบ 10 ปีในสถานประกอบการเดียวกัน

แรงงานต่างชาติทั่วไปทำงานกับนายจ้างรายเดียวกันครบ 10 ปี นายจ้างต้องจ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนบำนาญ เริ่มมีผล 1 เมษายน 2569
จากสถิติของกระทรวงแรงงานพบว่า ขณะนี้มีแรงงานต่างชาติที่มีอายุงานเกิน 10 ปีอยู่ราว 18,156 คน ทำงานอยู่ใน 7,339 บริษัททั่วประเทศ นายจ้างเหล่านี้ต้องเริ่มเปิดบัญชีกองทุนบำนาญและจ่ายเงินสมทบตั้งแต่เดือนเมษายนปีหน้าเป็นต้นไป
นายหวงเหว่ยเฉิน อธิบดีกรมสวัสดิการแรงงานและบำนาญ กระทรวงแรงงานชี้แจงว่า ในอดีตแรงงานต่างชาติถูกมองว่าเป็นแรงงานเสริมชั่วคราว และมีระยะเวลาการทำงานจำกัดเพียง 6 ปี จึงไม่ได้ถูกนับรวมในการคำนวณเงินสะสมกองทุนบำนาญ แต่เมื่อสถานการณ์เปลี่ยนไป แรงงานต่างชาติที่ทำงานต่อเนื่องในไต้หวันเกิน 10 ปี มีโอกาสเข้าเงื่อนไขตามระบบเกษียณ จึงจำเป็นต้องปรับนโยบายให้สอดคล้องกับความเป็นจริง เขาระบุเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันมีบริษัทในไต้หวันกว่า 7,300 แห่งที่จ้างแรงงานต่างชาติและมีอายุงานเกิน 10 ปี แต่ไม่ใช่ทุกแห่งที่มีบัญชีเงินบำนาญแบบเก่า กระทรวงแรงงานจึงจะใช้เวลาประชาสัมพันธ์และให้ระยะเวลาเตรียมความพร้อม 6 เดือน ก่อนกฎหมายมีผลบังคับใช้จริงในวันที่ 1 เมษายน 2569 พร้อมประสานงานกับรัฐบาลท้องถิ่นเพื่อช่วยเหลือนายจ้างในการเปิดบัญชีและเริ่มจ่ายเงินสมทบดังกล่าว

แรงงานไทยในไซต์งานก่อสร้างโรงไฟฟ้าต้าถาน เขตกวนอิน นครเถาหยวน
นอกจากนี้ อธิบดีกรมสวัสดิการแรงงานและบำนาญยังกล่าวว่า หากแรงงานต่างชาติเปลี่ยนสถานะเป็นแรงงานกึ่งฝีมือ จะต้องได้รับเงินสมทบกองทุนบำนาญตามกฎหมายโดยอัตโนมัติ ส่วนแรงงานต่างชาติมีทักษะฝีมือระดับมืออาชีพที่ได้รับบัตรทองการทำงานหรือทำงานในสายอาชีพเฉพาะทางนั้น ได้รับความคุ้มครองตามระบบบำนาญแบบใหม่อยู่แล้ว

แรงงานต่างชาติทั่วไปทำงานกับนายจ้างรายเดียวกันครบ 10 ปี นายจ้างต้องจ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนบำนาญ เริ่มมีผล 1 เมษายน 2569
ด้านนายเหออวี่ กรรมการบริหารสภาอุตสาหกรรมไต้หวันให้ความเห็นว่า โดยทั่วไปแรงงานต่างชาติที่มีทักษะฝีมือและทำงานดีเป็นที่พึงพอใจของนายจ้าง บริษัทก็มักยินดีให้ทำงานต่อเนื่องและสนับสนุนการขออยู่ถาวร พร้อมเสนอให้รัฐบาลพิจารณาปรับปรุงกฎหมายและนโยบายคนเข้าเมือง เพื่อให้สอดคล้องกับแนวโน้มแรงงานระยะยาว
มาตรการใหม่นี้นับเป็นก้าวสำคัญในการเพิ่มหลักประกันทางสังคมแก่แรงงานต่างชาติในไต้หวัน ซึ่งจะช่วยให้แรงงานที่ทำงานระยะยาวได้รับสิทธิประโยชน์ด้านบำนาญเช่นเดียวกับแรงงานท้องถิ่นอีก 1 รายการ นอกจากที่ได้รับเงินบำเหน็จชราภาพอยู่แล้ว สะท้อนถึงการพัฒนานโยบายแรงงานของไต้หวันที่มุ่งสู่ความเท่าเทียมและยั่งยืนมากขึ้น

แรงงานต่างชาติทั่วไปทำงานกับนายจ้างรายเดียวกันครบ 10 ปี นายจ้างต้องจ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนบำนาญ เริ่มมีผล 1 เมษายน 2569
ตามกฎหมายมาตรฐานแรงงาน ผู้ใช้แรงงานที่ได้รับการคุ้มครองจากกฎหมายฉบับนี้ นอกจากได้รับเงินบำเหน็จชราภาพจากกองทุนประกันภัยแรงงานแล้ว ยังมีสิทธิ์ได้รับเงินบำนาญที่นายจ้างเป็นผู้จ่ายเงินสมทบตามสัดส่วนกำหนดเข้ากองทุนบำนาญด้วย แต่สำหรับแรงงานต่างชาติในภาคการผลิตและก่อสร้าง ยกเว้นแรงงานกึ่งฝีมือและผู้เชี่ยวชาญชาวต่างชาติ เมื่ออายุถึงเกณฑ์ มีสิทธิ์รับเงินบำเหน็จชราภาพอย่างเดียว ไม่สามารถรับเงินบำนาญได้ สภาตรวจสอบจึงเริ่มการตรวจสอบและท้วงติงเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา กระทรวงแรงงานรับจะปรับปรุงแก้ไขตามข้อเสนอ จึงเป็นที่มาของประกาศดังกล่าว
2. ไต้หวันอนุญาตจ้างแรงงานกึ่งฝีมือได้ทุกคน ไม่จำกัด 25% ไฟเขียวจ้างแรงงานต่างชาติในธุรกิจโรงแรม แต่ต้องขึ้นเงินเดือนพนักงานท้องถิ่นก่อนจ้าง เริ่มมีผลต้นปีหน้า
สภาบริหารไต้หวันได้มีมติเมื่อวันที่ 30 ตุลาคมที่ผ่านมา เห็นชอบ “แผนยกระดับกำลังแรงงานต่างชาติ” ซึ่งถือเป็นนโยบายสำคัญในการแก้ปัญหาขาดแคลนแรงงาน โดยเปิดทางให้ภาคการท่องเที่ยวและโรงแรมสามารถจ้างแรงงานต่างชาติกึ่งฝีมือได้เป็นครั้งแรก ค่าจ้างเริ่มต้นที่ 32,000 เหรียญ แต่ต้องแลกมากับการปรับขึ้นค่าจ้างให้แรงงานไต้หวันก่อน ขณะเดียวกันอนุญาตให้นายจ้างว่าจ้างแรงงานต่างชาติของตนเป็นแรงงานกึ่งฝีมือได้เต็ม 100% จากเดิมที่จำกัดไม่เกิน 25% หรือ 10 คน ยกระดับเป็นแรงงานกึ่งฝีมือได้เพียง 4 คน

ปรับขึ้นเงินเดือนพนักงานท้องถิ่น 2,000 เหรียญไต้หวันต่อการว่าจ้างเพิ่มแรงงานต่างชาติหนึ่งคน
หงเซินฮั่น (洪申翰) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานระบุว่า มาตรการใหม่นี้ กำหนดให้ธุรกิจโรงแรมหรือที่พักต้องขึ้นเงินเดือนให้พนักงานชาวไต้หวันอย่างน้อย 2,000 เหรียญไต้หวันหนึ่งคนก่อน จึงจะสามารถจ้างแรงงานต่างชาติได้หนึ่งคน โดยจำนวนแรงงานต่างชาติที่อนุญาตให้จ้างได้สูงสุดไม่เกิน 10% ของจำนวนพนักงานท้องถิ่นที่อยู่ในระบบประกันภัยแรงงาน และเมื่ออายุสัญญา 3 ปีและต้องการต่อสัญญากับจ้างแรงงานต่างชาติในกลุ่มนี้ ผู้ประกอบการต้องปรับขึ้นเงินเดือนให้พนักงานชาวไต้หวันอีกหนึ่งคนเป็นรอบใหม่เช่นเดียวกัน

หงเซินฮั่น (洪申翰) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานไต้หวัน
รมว. กระทรวงแรงงานผู้นี้กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัญหาค่าจ้างต่ำในภาคบริการเป็นสาเหตุที่ทำให้การนำเข้าแรงงานต่างชาติในกลุ่มนี้กลายเป็นประเด็นอ่อนไหว เนื่องจากเกรงว่าจะยิ่งกดค่าจ้างแรงงานภายในประเทศ ดังนั้น รัฐบาลจึงเลือกเปิดรับเฉพาะแรงงานกึ่งฝีมือ เพื่อยกระดับคุณภาพแรงงานและลดผลกระทบต่อค่าจ้างในประเทศ พร้อมย้ำว่า การจ้างแรงงานในภาคโรงแรมจะทำได้เฉพาะในกรณีนี้เท่านั้น เมื่อถูกถามถึงเหตุผลของตัวเลขเพิ่มค่าจ้าง 2,000 เหรียญไต้หวัน รัฐมนตรีชี้แจงว่า ตัวเลขดังกล่าวผ่านการพิจารณาจากหลายปัจจัย ทั้งด้านภาระต้นทุนของภาคธุรกิจและความสามารถในการจ่ายของนายจ้าง เขากล่าวว่า ไม่ได้หมายความว่าสามปีจะขึ้นแค่ 2,000 เหรียญ แต่หลังครบสามปี หากต้องการต่อสัญญาแรงงานต่างชาติ ก็ต้องมีการขึ้นเงินเดือนเพิ่มเติมอีกครั้ง

แรงงานกึ่งฝีมือชาวอินโดนีเซียที่ไทจง (ภาพจาก CNA)
ด้านนายซูอี้กั๋ว ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารแรงงานข้ามชาติ กรมพัฒนากำลังแรงงาน กระทรวงแรงงานกล่าวเสริมว่า เมื่อผู้ประกอบการธุรกิจโรงแรมและที่พักยื่นขอจ้างแรงงานต่างชาติครั้งแรก เจ้าหน้าที่จะตรวจสอบก่อนว่าได้มีการปรับขึ้นค่าจ้างให้พนักงานท้องถิ่นจริงหรือไม่ และในแต่ละปีจะมีการตรวจสอบซ้ำผ่านข้อมูลเงินเดือนในระบบประกันแรงงาน หากพบว่าไม่ปฏิบัติตาม จะถูกเพิกถอนสิทธิ์ในการจ้างแรงงานต่างชาติทันที
แรงงานวัยทำงานในไต้หวันลดลง 3 ล้านคนในปี 2583
กระทรวงแรงงานเปิดเผยว่า ไต้หวันกำลังเผชิญปัญหาสังคมสูงวัยและอัตราการเกิดต่ำ ทำให้คาดว่าในปี 2583 หรืออีก 15 ปีข้างหน้า ประชากรวัยทำงานในไต้หวันจะลดลงกว่า 3 ล้านคน ขณะที่ความต้องการแรงงานยังเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะภาคการผลิตที่ต้องการแรงงานเพิ่มเฉลี่ยปีละ 19,000 คน และภาคการบริการด้านที่พักและอาหารเพิ่มปีละกว่า 13,000 คน จนถึงเดือนมีนาคม 2568 นี้ ตำแหน่งงานว่างในภาคการผลิต การขนส่งคลังสินค้า และภาคบริการโรงแรม–อาหาร รวมกันแล้วยังต้องการมากกว่า 127,000 ตำแหน่ง โดยเฉพาะงานที่ต้องใช้ทักษะฝีมือยังขาดแคลนกว่า 113,000 ตำแหน่ง

ผู้ประกอบการธุรกิจโรงแรมและที่พักของไต้หวันประสบปัญหาขาดแคลนแรงงานอย่างรุนแรง เรียกร้องให้รัฐบาลเปิดให้นำเข้าแรงงานต่างชาติมาโดยตลอด (ภาพจาก udn.com)
แผนยกระดับกำลังแรงงานต่างชาติที่ผ่านความเห็นชอบจากสภาบริหารมีแนวทางดำเนินงานหลัก 4 ด้าน ได้แก่ :
1. เพิ่มโควตาจ้างแรงงานต่างชาติในภาคการผลิตผ่านการขึ้นเงินเดือนแรงงานไต้หวัน
หากนายจ้างในภาคการผลิตปรับขึ้นเงินเดือนให้พนักงานไต้หวัน 2,000 เหรียญไต้หวันต่อคน นอกจากโควตาเดิมแล้ว จะได้รับโควตาพิเศษจ้างแรงงานต่างชาติเพิ่มขึ้นหนึ่งคน โดยโควตาพิเศษนี้สูงสุดไม่เกิน 10% ของจำนวนพนักงานท้องถิ่นทั้งหมด ทั้งนี้ โควตาการจ้างแรงงานต่างชาติสูงสุดจะเพิ่มจากเดิม 40% เป็น 45% ของจำนวนแรงงานท้องถิ่นผู้ประกันตนในสถานประกอบการนั้น

2. เปิดทางแรงงานต่างชาติที่มีคุณสมบัติมีสิทธิ์ยกระดับเป็นแรงงานกึ่งฝีมือทุกคน จากเดิมกำหนดไม่เกิน 25%
กระทรวงแรงงานจะเปิดให้แรงงานต่างชาติที่ทำงานในไต้หวันเกิน 6 ปีและมีคุณสมบัติเป็นแรงงานกึ่งฝีมือ สามารถเปลี่ยนสถานะเป็นแรงงานกึ่งฝีมือได้ทั้งหมด จากเดิมจำกัดไว้เพียง 25% ของจำนวนแรงงานต่างชาติในสถานประกอบการ โดยภาคการผลิตสามารถคงแรงงานต่างชาติที่มีประสบการณ์ไว้ได้ทั้งหมด 100% ทั้งนี้ เพื่อป้องกันการแย่งงานแรงงานไต้หวัน รัฐบาลกำหนดให้สัดส่วนแรงงานต่างชาติและแรงงานกึ่งฝีมือรวมกันต้องไม่เกิน 50% ของพนักงานท้องถิ่น นอกจากนี้ ยังจะมีการออกกฎหมายเฉพาะสำหรับแรงงานกึ่งฝีมือ ให้สามารถเปลี่ยนนายจ้างหรือย้ายงานข้ามอุตสาหกรรมได้หลังครบสัญญา 3 ปี รวมถึงลดความถี่และรายการของการตรวจสุขภาพ

กลุ่มเคลื่อนไหวสนับสนุนแรงงานต่างชาติชุมนุมประท้วง เรียกร้องให้รัฐบาลยกเลิกข้อจำกัดระยะเวลาการทำงานในไต้หวันของแรงงานต่างชาติ (ภาพจาก CNA)
3. เปิดให้ธุรกิจโรงแรมและท่าเรือเชิงพาณิชย์นำเข้าแรงงานกึ่งฝีมือได้ แต่ต้องขึ้นค่าจ้างแรงงานท้องถิ่นในสัดส่วน 1 ต่อ 1
จะเปิดรับแรงงานต่างชาติจากต่างประเทศในตำแหน่งพนักงานบริการโรงแรม และงานขนถ่ายสินค้าที่ท่าเรือเชิงพาณิชย์ ภายใต้เงื่อนไขเดียวกันคือ นายจ้างต้องขึ้นเงินเดือนให้พนักงานท้องถิ่นก่อนหนึ่งคนต่อการจ้างแรงงานต่างชาติหนึ่งคน และจำกัดสัดส่วนไม่เกิน 10% ของจำนวนพนักงานทั้งหมด

4. ยกระดับประสิทธิภาพการจัดส่งโดยรัฐ กระทรวงแรงงานมีแผนตั้งศูนย์จ้างตรงแรงงานต่างชาติในประเทศผู้ส่งออก
เพื่อตอบรับแนวโน้มการว่าจ้างแรงงานต่างชาติอย่างเป็นธรรม กระทรวงแรงงานประกาศว่าจะจัดตั้งศูนย์ส่งเสริมแรงงานต่างชาติในประเทศผู้ส่งออกแรงงานภายในไตรมาสแรกของ 2569 เพื่อทำหน้าที่จัดหากำลังคนโดยตรงและดำเนินการทดสอบคัดเลือกโดยตรงระหว่างรัฐบาลต่อรัฐบาล เพื่อยกระดับคุณภาพในการบริการจ้างแรงงานต่างชาติ โดยคาดว่าจะจัดตั้งที่ฟิลิปปินส์เป็นแห่งแรกก่อนในไตรมาสแรก 2569
ทั้งนี้ ผู้ประกอบการธุรกิจโรงแรมและที่พักของไต้หวันประสบปัญหาขาดแคลนแรงงานอย่างรุนแรง หลังการระบาดของโควิด-19 โดยมีตำแหน่งงานว่างมากกว่า 8,000 ตำแหน่ง ผู้ประกอบการจึงเรียกร้องให้รัฐบาลเปิดให้นำเข้าแรงงานต่างชาติมาโดยตลอด แต่ที่ผ่านมา กระทรวงแรงงานยังคงคัดค้าน จนกระทั่งในปีนี้ กระทรวงคมนาคมและกระทรวงแรงงานได้บรรลุข้อตกลงร่วมกันในการเปิดรับแรงงานต่างชาติภาคโรงแรมภายใต้เงื่อนไขเฉพาะ
นโยบายใหม่นี้ จึงนับเป็นก้าวสำคัญของรัฐบาลไต้หวันในการจัดการปัญหาขาดแคลนแรงงานเรื้อรัง โดยพยายามสร้างสมดุลระหว่างการคุ้มครองสิทธิแรงงานท้องถิ่น และการยกระดับคุณภาพแรงงานต่างชาติ เพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขันของเศรษฐกิจไต้หวันในระยะยาว